"ถ้าเป็นไปตาม timing แล้วก็คิดว่าน่าจะขายหุ้น IPO ได้ในช่วงต้นเดือนสิงหา และใจก็อยากจะให้เข้าเทรดในตลาดฯได้ในวันที่ 8 เดือน 8 (ส.ค.)ก่อนที่จะ Long Weekend แต่ถ้าไม่ได้ยังไงก็อยากให้เข้าตลาดฯได้ก่อนวันที่ 15 สิงหา"นายเอกพิทยา กล่าว
กรรมการผู้จัดการใหญ่ สหการประมูล กล่าวว่า การระดมทุนครั้งนี้คงจะได้รับเงินประมาณไม่เกิน 300 ล้านบาท ซึ่งก็เพียงพอที่จะนำมาใช้ในการขยายธุรกิจต่อไป สำหรับราคาที่จะเสนอขายหุ้น IPO ก็คงจะมีการหารือกันในเร็ว ๆ นี้
"ตอนนี้ก็เห็นมีบทวิเคราะห์ฯของ บล.คันทรี่ ออกมาให้ราคาไว้ที่ 2.36 บาท ซึ่งราคาที่จะเสนอขาย IPO ก็คงจะต้องรอดูจากการประเมินของนักวิเคราะห์หลายแห่งแล้วมารวม ๆ กันหาค่าเฉลี่ย แล้วก็จะมี Discount ให้กับนักลงทุนด้วย....เราไม่กังวลว่าหุ้นจะขายไม่หมดหรอก เพราะหุ้นที่กระจายมีไม่มากแค่ 110 ล้านหุ้นเท่านั้น และเงินที่ได้จากการระดมทุนก็ไม่มากด้วย"กรรมการผู้จัดการใหญ่ สหการประมูล กล่าว
นอกจากนี้ ขณะนี้บริษัทฯกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาพื้นที่ 14 ไร่ ซึ่งก็จะใช้เงินไม่เกิน 100 ล้านบาทตามที่คณะกรรมการบริษัทอนุมัติ และขณะนี้ก็ยังใช้เงินไม่เกินวงเงินที่ตั้งไว้
บมจ.สหการประมูล เป็นผู้ให้บริการประมูลซื้อขายสินทรัพย์แบบเปิด โดยบริษัทจะมีรายได้จากค่าบริการเป็น 2 ส่วนคือ ค่าบริการจากการที่ผู้นำสินค้ามาประมูลขาย และค่าดำเนินการที่เรียกเก็บจากการที่ผู้ประมูลสินค้าหรือผู้ซื้อสามารถประมูล โดยสินค้าที่นำมาจัดประมูลแบ่งได้ 3 กลุ่มหลัก ดังนี้ รถยนต์, รถจักรยานยนต์ และศูนย์ประมูลสัญจร โดยบริษัทมีการจัดประมูลเป็นครั้งคราวตามศูนย์ประมูลในกรุงเทพฯ รวมทั้งมีการจัดประมูล e-auction ซึ่งบริษัทได้ลงทุนโปรแกรมการประมูลเพื่อใช้ประมูลผ่านเว็บไซด์ของบริษัท
*บล.ไอร่า ให้มูลค่าพื้นฐานปี 56 ที่ 2.3 และ ปี 57 ที่ 3 บาท
บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ฯ ประเมินมูลค่าพื้นฐานของหุ้น AUCT ของปี 56 ไว้ที่ 2.3 บาท และมูลค่าพื้นฐานของปี 57 ที่ 3 บาท อ้างอิง PER 25 เท่า คาดรายได้จากการดำเนินการปี 56 และ 57 ของบริษัทจะเติบโตระดับสูงที่ 419 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 20% YoY และ 523 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 25% YoY จากจำนวนวันประมูลที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ 1Q56 และการขยายพื้นที่ประมูลคาดจะเพิ่มจำนวนรถผู้เข้าประมูลมากขึ้น อีกทั้งจำนวนรถยนต์มือสองในปีนี้จะมากขึ้นจากอุปทานส่วนมากจากรถยนต์ที่ถูกยึดจากลูกหนี้ที่ไม่สามารถผ่อนชำระหนี้
ขณะที่บริษัทจะรักษาผลอัตรากำไรสุทธิ(Net Margin)ได้ดีต่อเนื่องที่ระดับ 12% จากค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ และยังได้ประโยชน์จากอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ลดลงส่งผลทำให้กำไรปี 2556 เพิ่มขึ้นสูงถึง 49% แต่ด้วยผล Share Dilution Effect ของการขายหุ้น IPO ครั้งนี้ราว 25% ทำให้ EPS ปี 56 เพิ่มขึ้นเพียง 20% แต่จะเติบโตสูงขึ้น 32% ในปีถัดไป ประเมินกำไรสุทธิปี 56 ที่ 50 ล้านบาท