นายสมภพ กังสวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CSS กล่าวว่า คาดกำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้น IPO ได้ราววันที่ 25-26 ก.ค.นี้ และจะคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ในช่วงปลายเดือน ส.ค.ถึงต้น ก.ย.โดยอาจเป็นวันที่ 29 ส.ค.หรือ 4 ก.ย.56 หลังจากบริษัทเดินสายโรดโชว์ 4 จังหวัด ได่แก่ กทม. หาดใหญ่ ขอนแก่น และเชียงใหม่ ช่วงกลางเดือน ส.ค.หลังจากนั้นจะสามารถกำหนดราคาได้และเสนอขายหุ้นภายในไตรมาส 3/56 แน่นอน
บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมในปี 56 ไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท สูงกว่าปี 55 ที่มีรายได้ 3,300 ล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทมีงานในมือ(backlog)จากธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์สายไฟและอุปกรณ์ราว 700 ล้านบาท และงานด้านโทรคมนาคม 700 ล้านบาท ในอนาคตมีแผนเพิ่มสัดส่วนงานโทรคมนาคมมากขึ้นเพื่อรองรับบริการ 3G เนื่องจากมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 30% ขณะที่ธุรกิจจัดจำหน่ายที่เป็นรายได้หลักมีอัตรากำไรราว 10%
นายสมภพ กล่าวว่า การขยายงานด้านโทรคมนาคมต้องใช้เงินจำนวนมากจึงต้องระดมทุนเพื่อขยายงาน นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาการทำธุรกิจจัดจำหน่ายในพม่า คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ไตรมาส 4/56 และมีแผนขยายธุรกิจติดตั้งเสาสัญญาณโทรคมนาคมในพม่าด้วยแต่ต้องศึกษาข้อกฎหมายและรายละเอียดอื่นๆ ก่อน
อนึ่ง CSS ดำเนินธุรกิจหลัก 2 ประเภท คือ เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายและการให้บริการติดตั้ง สายไฟฟ้าและอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ระบบงานไฟฟ้า รวมถึงวัสดุและอุปกรณ์ป้องกันไฟลามจากผู้ผลิตชั้นนำระดับโลก และดำเนินธุรกิจให้บริการติดตั้ง บริการออกแบบ จัดหา และติดตั้งระบบโทรคมนาคมและระบบป้องกันไฟลาม รวมทั้งให้บริการงานด้านบำรุงรักษาระบบโทรคมนาคม
บริษัทมีทุนจดทะเบียน 350 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 700 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และมีทุนเรียกชำระแล้ว 250 ล้านบาท จะเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทต่อประชาชนทั่วไปและกลุ่มพนักงานในครั้งนี้ รวมจำนวนทั้งสิ้น 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 28.57 ของทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ ไปใช้ในการก่อสร้างคลังสินค้าและอาคารสำนักงานแห่งใหม่และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ด้านนายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า การกำหนดราคาขายคงมี discount ให้นักลงทุนตามหลักการเดิมโดยพิจารณาจากพื้นฐานของธุรกิจ การเติบโตของรายได้ กำไร ส่วนปัจจัยความผันผวนของตลาดเป็นแค่ส่วนหนึ่งแต่ไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะตลาดที่ผันผวนช่วงนี้เกิดจาก QE ซึ่งควบคุมไม่ได้
สำหรับตลาด IPO ครึ่งปีหลังมองว่ายังสดใสแม้ภาวะตลาดหุ้นจะผันผวน โดยปีนี้นับว่าเป็นปีที่หุ้น IPO สูงสุดในรอบ 3 ปี ทั้งจำนวนและมูลค่า ไม่นับรวมกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ในแง่ของดีมานด์หรือ invester IPO มีอยู่แล้ว นักลงทุนก็มีเงินมากขึ้น ทั้งนี้ ไม่รวม fund flow ที่เข้าออกตามภาวะหรือถ้อยแถลงเฟด ถึงแม้ตั้งต้นปีนี้หุ้น IPO ที่เข้าตลาดฯ ราคาเปิดเทรดวันแรกจะไม่ได้ปรับขึ้นแรงเป็น 100% เหมือนปีก่อน เพราะส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าระดมทุนหลักพันล้านบาท