นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CIMBT เปิดเผยว่า แนวโน้มกำไรของธนาคารในไตรมาส 2/56 จะออกมาดีกว่าไตรมาส 1/56 และดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสินเชื่อ และรายได้จากค่าธรรมเนียมเติบโตเป็นอย่างดี โดยธนาคารจะประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/56 ในวันที่ 18 ก.ค.56
ธนาคารเชื่อว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 3-4 หมื่นล้านบาท หรือ 20-25 % จากปีก่อน ซึ่งในครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีการเติบโตแล้วกว่า 16-20% หรือที่มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการเติบโตมากกว่าตลาดถึง 10% โดยมีพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ 1.5 แสนล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อรายใหญ่ 40% สินเชื่อ SME 30% และรายย่อย 30%
ขณะเดียวกันธนาคารฯยังอยู่ระหว่างการเจรจาการปล่อยสินเชื่อรายใหญ่ๆอีก 4-5 ราย เป็นอย่างน้อย มูลค่าประมาณ 5-6 พันล้านบาท ซึ่งหากคิดมูลค่าในการให้บริการทางด้านการเงินในทุกด้านแล่วจะมีมูลค่าสูงถึง 2-3 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการขยายธุรกิจทั้งจากประเทศไทยไปยังอินโดนีเซีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย และความต้องการจากนักลงทุนใน อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย มายังประเทศไทย
ด้าน NPL ของธนาคารฯปัจจุบันอยู่ที่ 2.5% ซึ่งเป็นการปรับลดจากปีก่อนที่อยู่ในระดับมากกว่า 3 % อย่างไรก็ตามทางธนาคารจะมีการบริหารให้ NPL ทั้งปีนี้อยู่ที่ไม่เกิน 3%
นายสุภัค กล่าวว่า ปัจจุบันธนาคารได้มีความเข้มงวดมากขึ้นในการพิจารณาสินเชื่อ โดยเน้นความสามารถในการชำระหนี้ของกลุ่มลูกค้ารายย่อยเพิ่มมากขึ้น เช่น กลุ่มสินเชื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน เนื่องจากธนาคารมีความกังวลว่าจะมีการขอสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันไปใช้ในการชำระหนี้เดิม แต่ปัจจุบันทางธนาคารเองยังไม่พบสัญญาณดังกล่าว
ส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัย มองว่าควรมีความระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะการซื้อที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัด ซึ่งปัจจุบันราคาปรับตัวสูงขึ้นมาใกล้เคียงกับที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม อีกทั้งปริมาณโครงการเพิ่มมากขึ้น แต่ความต้องการซื้อของประชาชนนั้นยังไม่ได้มากเท่ากับโครงการที่ออกมา ซึ่งสินเชื่อบ้านในช่วงที่ผ่ามาเติบโตอย่างรวดเร็วและสูงถึง 20-30% แต่ในส่วนนี้เป็น NPL เพียง 1% ถือว่าค่อนข้างต่ำ
"ธนาคารฯก็ได้มีการเข้มงวดมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อบ้าน แต่อย่างไรก็ตามยังคงหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อบ้านหลังที่ 2 ไว้ที่การให้ LTV ที่ 50-70 % ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระหนี้และคุณภาพลูกหนี้แต่ละราย"นายสุภัค กล่าว