"ตอนนี้ก็มีติดต่อเจรจากับลูกค้าประเภทบ้านพักครัวเรือน อาคารพาณิชย์ และโรงงานของเอกชนในการติดตั้งแผง Solar Rooftop ซึ่งในวันที่ 16 ก.ค. นี้ กพช.จะเสนอที่ประชุมให้พิจารณาโครงการสนับสนุนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน ตั้งเป้าผลิตไฟฟ้า 200 เมกะวัตต์ เราเชื่อว่า SOLAR มีคุณสมบัติที่ครบถ้วน ก่อนหน้านี้เราก็ทำงานร่วมกับกระทรวงพลังงานมาตลอด มีโครงการนำร่องที่เป็นการติดตั้งแผง Solar Rooftop ให้กับอาคารสถานที่ราชการ 25 เมกะวัตต์ โอนไฟฟ้าให้กับกฟภ.แล้ว มูลค่าราว 1.8 พันล้านบาท หลังจากทราบผลที่ชัดเจนแล้วเราก็จะเริ่มการติดตั้งแผง Solar Rooftop ทันที คาดว่าจะเริ่มทยอยติดตั้งไตรมาส 3/56 ระยะเวลาติดตั้งประมาณ 2 วัน"นางปัทมา กล่าว
นอกจากนั้น บริษัทยังมีการติดต่อเจรจากับพันธมิตรในเอเชียและยุโรป ซึ่งได้แก่ กองทุนระยะยาว ที่สนใจเข้ามาร่วมสนับสนุนความแข็งแกร่งทางด้านฐานะทางการเงินของบริษัท ซึ่งจะทำให้บริษัทมีโอกาสและความสามารถในการรับงานด้านโซลาร์เซลล์เพิ่มขึ้น และส่งเสริมการเติบโตที่ยั่งยืนและมั่นคงได้ในอนาคต โดยอาจจะเข้ามาในลักษณะการปล่อย Consumer Loan ให้กับลูกค้า
"ล่าสุดก็เพิ่งกลับมาจาการเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศ เขาสนใจลงทุนใน Solar Rooftop โดยเค้าอยากให้เรา Apply ในฐานะ Investor ซึ่งที่ผ่านมาเราเป็น Turn Keys มาตลอด เราก็มีพันธมิตรจากเมืองนอกที่เป็นกองทุนระยะยาว เค้าก็อยากมาสนับสนุนด้านการเงินเรา เพื่อมีส่วนในการซื้อไฟฟ้าหรือ Bundle ออกมาเป็น Infrastructure เราก็เอาแบบและแผงโซลาร์ของเราให้เค้าดูแล้วก็ใช้ได้ ตรงนี้เราต้องการสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินของเราเหมือนการปล่อย Consumer Loan และดีกว่าเราไปทุ่มคนเดียว 50-100 เมกะวัตต์ ซึ่งมีความเสี่ยง และเราก็ไปเจรจากับพันธมิตรจากเอเชียและยุโรปแล้ว เค้าก็สนใจเรา"นางปัทมา กล่าว
นางปัทมา กล่าวต่อว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้ในไตรมาส 2/56 จะออกมาดีกว่าไตรมาส 2/55 ที่มีรายได้ที่ราว 200 ล้านบาท หลังจากทยอยรับรู้รายได้ในโครงการ Solar Rooftop ที่ทำร่วมกับกระทรวงพลังงาน งานโซลาร์เซลล์ที่ใช้งานด้านโทรคมนาคม งานโซลาร์ฟาร์มของบมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP) และงานติดตั้งแผง Solar Rooftop ให้กับบมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ส่วนด้านกำไรคาดว่ามีแนวโน้มออกมาดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนเช่นกัน