DRT มองแนวโน้มตลาดตจว.H2/56 ดีต่อเนื่อง มั่นใจยอดขายปีนี้โตตามเป้า10%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 16, 2013 12:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร(DRT) เปิดเผยว่า ยอดขายรวมในปีนี้บริษัทคาดว่าจะเติบโต 10% ตามเป้าที่วางไว้ จากการประเมินภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างในครึ่งปีหลังพบว่ายังมีแนวโน้มการขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัด เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากการลงทุนขยายสาขาห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ และการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูงของผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตามหัวเมืองใหญ่ ส่งผลให้มีความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้บริษัทคาดว่าสินค้าวัสดุก่อสร้างกลุ่มหลังคาคอนกรีตและไม้สังเคราะห์ยังมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก โดยเฉพาะในช่องทางขายห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคในต่างจังหวัดนิยมเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางดังกล่าวมากขึ้น ทำให้บริษัทฯ คาดว่า สัดส่วนยอดขายของแบรนด์ตราเพชรผ่านช่องทางห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่จะเพิ่มขึ้นเป็น 14-15% จากปีก่อนที่มีสัดส่วนยอดขาย 8-9% จากยอดขายรวมทั้งหมด

"แม้หลายฝ่ายกังวลว่า เศรษฐกิจครึ่งปีหลังจะชะลอตัวลง แต่เรามองในแง่ที่ดี เนื่องจากภาคเอกชนยังลงทุนขยายสาขาและลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัด ซึ่งส่งผลให้เกิดการจ้างแรงงานที่ทำให้คนในท้องถิ่นมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นและใช้จ่ายเงินเพื่อที่อยู่อาศัย ทั้งในรูปแบบการซ่อมแซมและก่อสร้างบ้าน จึงเป็นแรงหนุนที่ดีต่อตลาดวัสดุก่อสร้างในครึ่งปีหลัง" นายสาธิต กล่าว

แนวทางทำตลาดครึ่งปีหลัง “ตราเพชร" จะรุกขยายตลาดที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูงมากขึ้น เนื่องจากความพร้อมของผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์กลุ่มผนัง โดยตราเพชรจะชูอิฐมวลเบาเป็นหัวหอกรุกตลาด ซึ่งช่วยให้ตราเพชรสามารถขายสินค้าไปยังกลุ่มที่อยู่อาศัยแนวสูงหรือประเภทคอนโดมิเนียมได้ดียิ่งขึ้น จากเดิมที่ตราเพชรมีผลิตภัณฑ์หลังคาและไม้สังเคราะห์ ซึ่งนิยมนำไปใช้ในกลุ่มบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์เป็นหลัก

สำหรับรูปแบบการทำตลาดนั้น บริษัทฯ จะนำเสนอสินค้าที่เป็นรูปแบบแพ็คเกจ ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์หลังคาจนถึงผลิตภัณฑ์ผนังพร้อมบริการติดตั้งให้แก่กลุ่มลูกค้าโครงการ เพื่อผลักดันการขายสินค้าจากฐานลูกค้าดังกล่าวให้มากขึ้น จากเดิมที่มีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าโครงการ 5-6% จะเพิ่มเป็น 8-9% จากยอดขายรวม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ