พร้อมกันนั้น บริษัยังเดินหน้าเปิดโครงการในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าภายในปลายปีนี้จะเปิดขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนามได้ หลังจากที่มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 75% รวมทั้งมีแผนจะเปิดขายโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียมในกรุงจาการ์ต้าของอินโดนีเซียในปีหน้า เพื่อไปสู่เป้าหมายรายได้ต่างประเทศเพิ่มสัดส่วนเป็น 5-10% จากปัจจุบันอยู่ที่ไม่ถึง 1%
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PS เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาปรับเป้ายอดขายปี 56 ทะลุ 4 หมื่นล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกทำยอดขายได้ 2.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเกินจากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ในระดับ 1.5 หมื่นล้านบาท
สำหรับช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่กว่า 2 หมื่นล้านบาท เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ เนื่องจากธุรกิจอสังหามีแนวโน้มในการเติบโตเพิ่มมากขึ้น ขณะที่บริษัทคาดว่าจะมีการเติบโตมากกว่าตลาดรวมที่ปีนี้เติบโต 7% และบริษัทเน้นการเติบโตที่แข็งแกร่งในตลาด real sector ที่ลูกค้าต้องการบ้านเพื่ออยู่อาศัยแท้จริง นอกจากนี้ส่วนแบ่งตลาดในครึ่งปีแรกเพิ่มเป็น 12% จากปี 55 มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 9%
นายทองมา กล่าวว่า บริษัทมีความมุ่งมั่นในการก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 10 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเอเชียภายใน 4-6 ปีข้างหน้า ปัจจุบันบริษัทอยู่อันดับที่ 25 ของเอเชีย โดยอันดับ 1 เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์จากประเทศจีน ซึ่งการจะก้าวขึ้นไปตามเป้าหมายจะต้องมีการสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่มีคุณค่า ให้ลูกค้ามีความประทับใจและมีการจดจำแบรนด์ของบริษัท
ด้านนายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ PS กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังบริษัทเตรียมเปิดโครงการเพิ่มอีก 45 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 36 โครงการ และคอนโด 9 โครงการ หลังจากครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 33 โครงการ ซึ่งทั้งปีจะมีจำนวนโครงการทั้งหมด 78 โครงการ
ทั้งนี้ บริษัทมองว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น และยังไม่พบเห็นสัญญาณภาวะฟองสบู่ที่เกิดขึ้น เนื่องจากบริษัทเน้นทำธุรกิจแบบ real sector เน้นกลุ่มที่ต้องการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยจริง
ส่วนโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทของภาครัฐ หากเกิดขึ้นได้จริงก็จะทำให้ความเจริญขยายตัวออกไปและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็จะพัฒนาตามไป แต่ถ้าโครงการนี้ชะลอออกไปก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัท เนื่องจากบริษัทมีโครงการในต่างจังหวัดไม่มาก ส่วนเรื่องอัตราดอกเบี้ยนั้น แนวโน้มของกระแสเงินทุนก็เริ่มไหลกลับเข้ามาในประเทศ เชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยยังคงที่ต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่ปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบต่อบริษัทมาก คือ ปัจจัยเสี่ยงทางด้านการเมือง
ขณะที่นายประเสริฐ แด่ดุลยสาธิต กรรมการผู้จัดการ PS เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดในโครงการคอนโดมิเนียมเป็นอันดับ 1 ภายใน 4 ปีข้างหน้า หรือมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 10% จากปัจจุบันอยู่ที่ 6% ซึ่งเป็นอันดับที่ 4 ในตลาดคอนโดมิเนียม
"เราคาดว่ามูลค่าตลาดรวมในโครงการคอนโดมิเนียมปี 57 จะอยู่ที่ราวๆ 2 แสนล้านบาท ซึ่งการจะเป็นเบอร์ 1 ในตลาดคอนโดมิเนียมได้นั้นเราต้องทำรายได้ประมาณ 2-2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเราก็ตั้งเป้าว่าจะเป็นเบอร์ 1 ให้ได้ภายใน 4 ปีข้างหน้า"นายประเสริฐ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทได้มีการปรับยอดขายโครงการคอนโดมิเนียมในปีนี้เป็น 1.1 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ 7 พันล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกยอดขายคอนโดมิเนียมทะลุเป้าทั้งปีไปที่ 8 พันล้านบาท
ในครึ่งปีหลังบริษัทจะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มอีก 9 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท จากครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 5-6 โครงการ และบริษัทจะไม่เปิดโครงการคอนโดมิเนียมในต่างจังหวัด เนื่องจากมองว่าความต้องการซื้อคอนโดมิเนียมในต่างจังหวัดเป็นแค่ภาวะชั่วคราวเท่านั้น ตลาดส่วนใหญ่ยังเป็นของแนวราบ
นายเมธา จันทร์แจ่มจรัส กรรมการผู้จัดการ PS เปิดเผยว่า บริษัทได้เข้าไปรุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศอินโดนีเซีย โดยมีการศึกษาพัฒนาโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียมในกรุงจาการ์ต้า เบื้องต้นคาดว่าจะเปิดขายได้ภายในปี 57 โดยราคาขายโครงการแนวราบอยู่ที่ประมาณ 3-5 ล้านบาท/หลัง และราคาคอนโดมิเนียมประมาณ 2-3 ล้านบาท/ยูนิต ส่วนมูลค่าโครงการบริษัทยังไม่ได้สรุป
โครงการในประเทศเวียดนามจะเริ่มขายได้ภายในช่วงปลายปี 56 ซึ่งขั้นตอนการดำเนินการและการขอใบอนุญาตแล้วเสร็จไปกว่า 75% สำหรับโครงการในประเทศอินเดียที่เป็นโครงการแนวราบมูลค่า 1.6 พันล้านบาท ขายไปแล้วกว่า 60%
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายโครงการในต่างประเทศปีนี้ที่ 500 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นยอดขายที่มาจากโครงการในอินเดีย และตั้งเป้าภายใน 8 ปีข้างหน้าจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากโครงการในต่างประเทศเป็น 5-10% จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศไม่ถึง 1%