บริษัทคาดว่าในปีนี้จะมีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 1.4 แสนล้านบาท แบ่งเป็น มูลค่างานในมือ (Backlog) 1.1 แสนล้านบาท และงานที่อยู่ระหว่างรอการเซ็นสัญญามูลค่า 3 หมื่นล้านบาท โดยงานดังกล่าว คือ งานของก่อสร้างของการประปาส่วนภูมิภาค ที่ จ.ลำปาง และงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งที่ 2 ที่ บางปะอิน และงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง นอกจากนี้บริษัทฯยังได้มีการยื่นประมูลงานก่อสร้างท่อแก๊สของ บมจ. ปตท. (PTT) ซึ่งอยู่ระหว่างรอผล
จากมูลค่างานในมือ (Backlog) ทั้งปี 1.4 แสนล้านบาท คาดว่าเพียงพอต่อการรับงานในระยะเวลา 3-4 ปีข้างหน้า ถึงแม้ว่าโครงการโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐมูลค่า 2 ล้านล้านบาท จะมีการเลื่อนออกไปก็ไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ
“มองว่าอาจจะส่งผลดีต่อบริษัทฯในด้านการรับงานเพราะเราจะได้มีเวลาเคลียร์งานที่มีอยู่ในเสร็จสิ้น จะทำให้เราสามารถรับงานในส่วนของภาครัฐได้อย่างเต็มที่ และก็มองว่าเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังของไทยยังดีอยู่ ถึงแม้ว่าโครงการของภาครัฐจะมีการชะลอลงไปบ้างแต่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน" นายปลิว กล่าว
ด้านนายวรพจน์ อุชุไพบูลย์วงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบัญชีและการเงิน CK เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้วางวิสัยทัศน์ ในการนำบริษัทในเครือเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นลอนดอน ในปี 2563 ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาและพิจารณาเลือกบริษัทในเครือเพื่อที่จะเข้าไปจดทะเบียน
อย่างไรก็ตาม บริษัทต้องมีการเตรียมความพร้อมทางด้านโครงสร้างของบริษัทและโครงสร้างทางบัญชี มีการเตรียมงานที่ดีและดูผลกำไรของบริษัท CKP ก่อนนำบริษัทในเครือเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นลอนดอน
“วิสัยทัศน์ของคุณปลิว ก็มีแผนจะนำบริษัทในเครือหรืออาจจะเป็น CK ก็ได้ที่จะเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นลอนดอนในปี 2020 ตอนนี้ก็ได้มีการศึกษาและเตรียมตัวอยู่พอสมควร โดยมีการเตรียมงานที่ดีขึ้นปรับโครงสร้างต่างๆของบริษัท และขอดูกำไรของ CKP ก่อน ส่วนเรื่องเงินก็มีอยู่แล้วไม่เป็นเรื่องที่น่ากังวล เราขอเตรียมตัวซักประมาณ 3 ปีแล้วจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการ ตอนนี้ก็ขอดูก่อนว่าจะเอา CK หรือบริษัทในเครือเข้าก็อาจจะเป็น BMCL"นายวรพจน์