CKP ปิดเทรดเช้าที่ 15.90 บาท เหนือจอง 22.31% จากราคา IPO ที่ 13.00 บาท โดยเปิดตลาดที่ 16.70 บาท สูงสุด 17.00 บาท ต่ำสุด 15.70 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,406.96 ล้านบาท
บล.ซีไอเอ็มบี ประเมินราคาเหมาะสม บมจ.ซีเค พาวเวอร์(CKP) ที่ 21.70 บาท แยกเป็น 3 ธุรกิจ คือโรงไฟฟ้าพลังน้ำคิดเป็นมูลค่า 11 บาทต่อหุ้น ธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์คิดเป็นมูลค่า 1.2 บาทต่อหุ้น และธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมทั้ง 2 โครงการคิดเป็นมูลค่า 9.5 บาทต่อหุ้น รวมทั้งหมดจะได้มูลค่า CKP ที่ 21.70 บาทต่อหุ้น
หากคำนวนวิธี PE ที่ระดับราคาเหมาะสมจะคิดเป็น PE ปี 13 และ 14 ที่ 54.3 เท่า และ 37.4 เท่า โดยยังไม่รวมมูลค่าของโครงการในอนาคตอย่างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ น้ำบาก 1 ซึ่งหากสมมุติโดยอ้างอิงอัตราค่าไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการน้ำงึ่ม 2 จะคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3.80 บาทต่อหุ้น
นางสุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP) กล่าวว่า มองว่าหุ้น CKP ก็เป็นหนึ่งในหุ้นที่ดีที่มีการเติบโตทั้งรายได้และกำไร ทำให้นักลงทุนมีความสนใจเป็นอย่างมาก ประกอบกับ CKP ได้มีการทยอยเปิดโครงการอื่นๆอีกหลังจากมีการเปิดโครงการพลังงานความร้อนร่วม บริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าในช่วง 5-10 ปีนี้ โดยตามแผน CKP จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 2,320 เมกะวัตต์ ปี 62 จากปัจจุบันอยู่ที่ 875 เมกะวัตต์ จะส่งผลให้ผลประกอบการเติบโตก้าวกระโดด
“หลังจากที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เราก็ยังได้มีการดำเนินโครงการพลังงานน้ำอยู่ ซึ่งปัจจุบันก็ได้มีการศึกษาการรับงาน HYDRO ในพม่าเป็นส่วนใหญ่ และสำหรับในลาวกับไทยก็ยังมีการศึกษาอยู่เรื่อย ตอนนี้ก็มีการศึกษาอยู่หลายๆที่ ซึ่งมีแผนศึกษาค่อนข้างมาก" นางสุภามาส กล่าว