นอกจากนั้น ในวันนี้รัฐบาลโมซัมบิกได้ประกาศให้ ITD ชนะงานโครงการก่อสร้างรถไฟระยะทาง 500 กม. และสร้างท่าเรือขนาดใหญ่ มูลค่างาน 2-3 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้ Backlog ของบริษัทแตะระดับ 5 แสนล้านบาท
สำหรับโครงการบริหารจัดการน้ำที่บริษัทชนะประมูล 5 โครงการอาจต้องล่าช้าไป 2-3 เดือนเพื่อทำประชาพิจารณ์และรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA)ตามคำสั่งของศาลปกครอง โดยในส่วนของ ITD ที่ร่วมกับจีนจะมีการสร้างเขื่อนในลุ่มน้ำเจ้าพระยา 8 แห่ง โดยในจำนวนดังกล่าว 6 เขื่อนทำ EIA แล้ว และยังมีการสร้างเขื่อนนอกลุ่มน้ำเจ้าพระยาอีก 3 แห่ง
อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่ารัฐบาลจะลงนามสัญญางานโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทได้ภายในเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้ ซึ่งจะทำให้ ITD มี Backog เพิ่มเข้าอีกราว 6 หมื่นล้านบาทจากโครงการที่ร่วมกับจีนฝ่ายละครึ่งรวมมูลค่าโครงการทั้งหมดที่ชนะประมูล 1.06 แสนล้านบาท
ส่วนโครงการท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวายในพม่า ขณะนี้มีความคืบหน้าแล้ว โดยได้หาผู้ร่วมทุนเข้ามาร่วมในบริษัท SPC ทั้ง 7 แห่งที่จะเป็นผู้ลงทุนในส่วนต่าง ๆ ของโครงการ ซึ่ง ITD จะถือหุ้นทุกบริษัทในสัดส่วน 25-30% ขณะที่ภาคเอกชนของญี่ปุ่นก็จะเข้าร่วมทุนในทุกโครงการเช่นกัน โดยจะถือหุ้น 30% ขึ้นไป
นายเปรมชัย กล่าวว่า คาดว่าภายในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าจะลงนามร่วมลงทุนในทั้ง 7 SPC หลังจากนั้นเริ่มดำเนินการที่แบ่งเป็น 4 เฟส เฟส 0 -เฟส 3 โดยเฟส 0 จะเร่งให้ Early Industrial ของไทยเข้าไปก่อน รวมการลงทุนผลิตไฟฟ้า น้ำประปา ท่าเรือขนาดเล็ก ทั้งนี้เ ฟส 0 จะใช้เงินลงทุนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ระยะเวลา 1 ปี พื้นที่ 3 พันไร่ โดยทั้ง 4 เฟสของทวายจะใช้เวลาประมาณ 7 ปี
ทั้งนี้ ITD คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนในโครงการทวาย จำนวน 2 หมื่นล้านบาท โดยได้ลงทุนไปก่อนหน้าและแปลงเป็นส่วนทุนใน SPC แล้ว 6-7 พันล้านบาท แต่ยังต้องหาเงินลงทุนอีกกว่า 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่บริษัทต้องลงทุนในโครงการโปแตชที่ปรับแผนไม่ขายหุ้นออกไปตอนนี้ เพื่อรอมูลค่าเพิ่มมากขึ้นกว่านี้จึงจะขายออกบ้างส่วน โดย ITD ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 90% อีก 10% ถือโดยรัฐบาลไทย และปีหน้าจะเริ่มการผลิตรวมทั้งยังมีโครงการก่อสร้างและลงทุนขนาดใหญ่อีก
บริษัทจึงเตรียมแผนระดมทุนด้วยการออกและเสนอขายหุ้นกู้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท อายุไม่เกิน 5 ปีในปี 57 นอกจากนี้แหล่งเงินยังมาจากเงินกู้จากสถาบันการเงิน และจากผลประกอบการของบริษัท นอกเหนือจากการเพิ่มทุนที่เพิ่งประกาศออกไปที่คาดว่าจะระดมทุนได้ 2 พันล้านบาท และจะช่วยทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงมาที่ระดับ 1.5 เท่าตามเป้าหมาย จากปัจจุบันอยู่ 2.5 เท่า รวมทั้งจะทำให้อันดับเครดิตของ ITD ขยับขึ้นมาอีกหนึ่งระดับจาก BBB- เป็น BBB
"ตอนนี้ปัญหาอยู่ที่ทริสเรทติ้งจัดให้เราอยู่ที่ BBB- เราต้องการเป็น BBB หรือขึ้นมาอีกหนึ่งขั้น เราจึงต้องเพิ่มทุนเพื่อให้ Financial Ratio ดีขึ้น D/E ต่ำกว่า 1.5 เท่า"นายเปรมชัย กล่าว