SCB เผย Q2/56 กำไรสุทธิ 12,600 ลบ.โต 28.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 19, 2013 17:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2/56 ว่า กำไรสุทธิจำนวน 12,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.5% ซึ่งเป็นผลประกอบการที่อยู่ในระดับสูง เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9,800 ล้านบาท โดยรายได้รวมเติบโตอย่างมากเป็น 29,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.8% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนกำไรสุทธิที่ดีมาจากการขยายตัวของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น 18.1% และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น 20.0% ขณะที่คุณภาพของสินเชื่ออยู่ในระดับดี โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพ(NPL)ยังคงที่ในระดับ 2.1%

สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกธนาคารมีกำไรสุทธิรวม 25,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรที่เติบโตสูงนี้ มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น 19.8% และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ที่เพิ่มขึ้น 20.8%

นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร SCB กล่าวว่า รายได้รวมและกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของธนาคาร แสดงให้เห็นถึงผลประกอบการที่เติบโตอย่างยั่งยืน และรูปแบบการดำเนินงานของธนาคารที่แข่งขันได้ดี ความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจที่ธนาคารได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ เพิ่มขึ้น 18.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากสินเชื่อขยายตัว 16.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน การขยายตัวไปในกลุ่มสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น รวมทั้งการเติบโตของการลงทุน นอกจากสินเชื่อจะเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจแล้ว ธนาคารยังมีการเติบโตสูงกว่าตลาดโดยรวมอีกด้วย ซึ่งเกิดจากกลยุทธ์ในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มสินเชื่อลูกค้าธุรกิจ(SME) สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อรถยนต์

รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมาจากรายได้สุทธิจากการรับประกันภัยที่เติบโต 18% รายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการที่เพิ่มขึ้น 12.6% และรายได้จากธุรกรรมเพื่อการค้าและการปริวรรตเงินตราต่างประเทศ เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งถึง 67.6% การเติบโตของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย สอดคล้องกับกลยุทธ์ธุรกิจของธนาคารที่มุ่งเน้นการเพิ่มรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยมากกว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิ

คุณภาพสินเชื่อ ยังคงอยู่ในระดับที่ดี โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ทรงตัวในระดับต่ำที่ 2.1% เช่นเดียวกับไตรมาสที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ด้วยการดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจในอนาคต ธนาคารได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในไตรมาสที่ 2 เพิ่มจาก 2,550 ล้านบาท เป็น 2,700 ล้านบาท นอกจากนี้ อัตราส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารก็สูงถึง 144.9% ซึ่งเป็นระดับที่ถือว่าสูงในช่วงหลังวิกฤตเศรษฐกิจ

ด้านนางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCB กล่าวว่า เหตุผลหลักที่ทำให้ธนาคารสามารถรักษาผลประกอบการในระดับสูงกว่าของตลาดการเงินไทยโดยรวมอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา เกิดจากความร่วมแรงร่วมใจ ศักยภาพ และความทุ่มเทของพนักงานเพื่อส่งมอบบริการที่ดีสุดให้แก่ลูกค้า

"ด้วยแรงขับเคลื่อนนี้ ส่งผลให้ธนาคารมอบผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราที่สูงกว่าตลาด และพร้อมจะที่เผชิญความท้าทายในอนาคต แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจในอนาคตยังมีความไม่แน่นอน ดิฉันเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถเติบโตสูงต่อไปในอนาคต และยังคงเป็นธนาคารที่ทุกคนเลือก" นางกรรณิกา กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ