(เพิ่มเติม) ตลท.ปรับเพิ่มเป้ามาร์เก็ตแคปปีนี้เป็น 1.8 แสนลบ.มี บจ.เข้าใหม่ 30 ราย

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 23, 2013 14:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ตลท.มีมติให้ปรับเป้าหมายการดำเนินงานในปี 56 เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของตลาดในปัจจุบัน โดยในด้านมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันเพิ่มเป็น 4.95 หมื่นล้านบาท จากเดิม 3.2 หมื่นล้านบาท, มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของบริษัทและหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนใหม่เป็น 1.8 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 56% จากปีก่อน จากเดิมอยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท และ ปริมาณสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็น 6.6 หมื่นสัญญา/วัน หรือเพิ่มขึ้น 51% จากปีก่อน จากเดิมตั้งไว้ 5 หมื่นสัญญา/วัน

ทั้งนี้ ตลท.คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีจำนวนบัญชีของผู้ลงทุนเติบโตมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 30% รวมเป็นจำนวนบัญชีใหม่ทั้งปี 56 ที่ 1.4 หมื่นบัญชี เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นขาขึ้น ส่งผลให้ผู้ลงทุนสนใจเปิดบัญชีซื้อขายในตลาดหุ้นมากกว่า ประกอบกับการซื้อขายในตลาดทองคำซบเซาลง

สำหรับผลการดำเนินงานของ ตลท.ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 56 ประสบผลสำเร็จ แม้ว่าสภาวะการลงทุนจะมีความผันผวนจากการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนและสภาพคล่องของตลาดทุนโลกก็ตาม ซึ่งมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันปรับเพิ่มขึ้นแซงหน้าตลาดหุ้นชั้นนำในภูมิภาคเป็นครั้งแรก โดยตั้งแต่ต้นปีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน มีอัตราเพิ่มสูงขึ้น จากสิ้นปี 55 ถึง 90% หรือเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 61,487 ล้านบาท/วัน

ณ สิ้นเดือน มิ.ย.56 ตลท.สามารถเพิ่มมูลค่าตลาดหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม จากหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนใหม่ถึง 1.49 แสนล้านบาท จากเป้าหมาย 1.2 แสนล้านบาท โดยมีหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนใหม่มีจำนวน 16 หลักทรัพย์ในครึ่งปีแรกนี้ และผลักดันบริษัทจดทะเบียนเดิมให้ระดมทุนเพิ่มเท่ากับ 104,778 ล้านบาท จาก 173 บริษัท ประกอบด้วย เงินสดที่ได้จากการระดมทุน 86,994 ล้านบาท

ด้านการขยายผู้ลงทุนบุคคลสามารถเพิ่มจำนวนผู้ลงทุนซื้อขายหุ้นได้ถึง 69,479 ราย ใกล้เคียงกับเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ 7 หมื่นราย ส่วนการลงทุนผ่านช่องทางออนไลน์ มีการทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่องร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์และธนาคารพาณิชย์ ส่งผลให้ช่วง 6 เดือนของปีนี้มีบัญชีการซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ตใหม่กว่า 9 หมื่นบัญชี จากเป้าหมาย 1.2 แสนบัญชีภายในปี 56

"จากการปรับหมายครั้งนี้ ได้มีการประเมินจากการซื้อขายของนักลงทุน และสัดส่วนของนักลงทุน ในช่วงครึ่งปีแรก รวมทั้งนำประมาณการ GDP ที่มีการปรับลดลงเหลือ 4.2-5.2% และดูจากมาตรการ QE, Fund Flow รวมถึงปัจจัยในประเทศ การส่งออกลดลง การไม่มีมาตรการรถคันแรก โดยในช่วงครึ่งปีแรกไม่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง จึงเป็นสาเหตุให้มีการปรับปริมาณซื้อขายในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าต่ำกว่าครึ่งปีแรก"นายจรัมพร กล่าว

นายจรัมพร คาดว่า ตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีหลังจะยังคงมีเม็ดเงินไหลเข้าออกแบบค่อยค่อยไป จะไม่ผันผวนเหมือนช่วงครึ่งปีแรก แต่ก็ยังคงมีความผันผวนอยู่ โดยเชื่อว่านักลงทุนทุกคนระมัดระวังตัวเองอยู่แล้ว

นอกจากนี้ คาดว่าในไตรมาส 3/56 จะมีบริษัทใหม่ยื่นไฟลิ่งเพื่อเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 15 บริษัท และขณะนี้มีการยื่นไฟลิ่งไปแล้วและยังค้างการพิจารณาอยู่ 20 บริษัท ซึ่งทั้งปีนี้คาดว่าจะบริษัทจดทะเบียนใหม่ราว 30 บริษัท ซึ่งทั้งนี้ บริษัทมีความมั่นใจเข้ามาระดมทุน IPO จำนวนมาก เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การลงทุนแบบใหม่เป็น 2 ประเภท คือ ให้บริษัทต่างประเทศเข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้นไทยในรูปแบบบริษัทโฮลดิ้งคัมปะนี และ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund)

สำหรับแผนในช่วงครึ่งปีหลัง ตลท.จะผลักดันให้บริษัทโฮลดิ้งคัมปะนีที่มีการลงทุนในประเทศแถบอินโดจีนเข้ามาจดทะเบียนได้ต่อเนื่อง และจะสนับสนุนการเข้าจดทะเบียนของกองทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหริมทรัพย์ (REIT)

นอกจากนี้ ตลท.จะมีการจัดงาน Thailand Focus 2013 ในวันที่ 28 -30 ส.ค. 56 โดยมีตลาดหุ้นจากกัมพูชา เวียดนาม ลาว และพม่าเข้าร่วมให้ข้อมูลสร้างโอกาสเพื่อการเติบโตของธุรกิจไทยในภูมิภาค


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ