สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB13OA และ LB155A (รุ่นอายุ 3.9 ปี, 0.3 ปี และ 1.8 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 6,302 ล้านบาท หรือคิดเป็น 57% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT138A) มูลค่า 202.7 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC188B) มูลค่า 122.2 ล้านบาท
3. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT13OA) มูลค่า 100.0 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 424.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 44.1% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 19,606 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,410 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,497 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.52% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.44% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในตราสารอายุ 10 ปี ประมาณ 2 bps. โดยส่วนหนึ่งมาจากการปรับพอร์ตเพื่อเตรียมประมูล Benchmark Bond อายุ 5 และ 10 ปีวันพรุ่งนี้ โดยตัวเลขยอดขายบ้านมือ 2 ของสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาล่าสุดแสดงถึงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังคงชะลอตัว ทำให้นักลงทุนคาดว่า Fed จะยังคงใช้มาตรการ QE ต่อไปส่งผลให้มีแรงซื้อในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น สำหรับนักลงทุนต่างชาติมีแรงซื้อในพันธบัตรระยะสั้น ยอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 3,497 ล้านบาท