นอกจากนี้ บริษัทได้มีการรีแบรนด์สินค้าในกลุ่มสินค้าฟังก์ชั่นที่เน้นความเป็นโมเดิร์นและสวยงามที่มาพร้อมกับประโยชน์ใช้สอย ภายใต้แนวคิด Secret S Curve มุ่งแก้ปัญหาด้านสรีระ ช่วยให้ผู้หญิงมีสรีระที่ดี ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าวัยทำงาน และกลุ่มวัย 60 ปีขึ้นไป โดยตั้งเป้ายอดขายรุ่นดังกล่าวไว้จำนวน 350 ล้านบาท
และทั้งปี 56 บริษัทยังมั่นใจว่ายอดขายจะทำได้อยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท แม้ตลาดชุดชั้นในในช่วงครึ่งปีหลังซบเซาลง จากการสำรวจยอดขายตามห้างสรรพสินค้า เป็นผลมาจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้โครงการรถคันแรก และบ้านหลังแรกในปีที่แล้วมีผลให้ประชาชนมีภาระใช้จ่ายต่อเนื่องในปีนี้ ทำให้ต้องหันมาลดการใช้จ่ายในสินค้าอุปโภคบริโภค แต่เชื่อว่าไม่กระทบกับยอดขายบริษัทมากนัก
นายบุญชัย กล่าวอีกว่า ขณะนี้บริษัทได้สรุปผลเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่นอินโดนีเซียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยระหว่างนี้อยู่ในช่วงปรับปรุงหน้าร้านให้มีความเหมาะสม และมีความทันสมัยก่อนจะนำสินค้าของ SABINA เข้าไปจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซีย คาดว่าจะสามารถวางจำหน่ายได้ภายในปลายปีนี้
"มองว่าตลาดอินโดนีเซียมีศักยภาพเติบโตสูง เนื่องจากมีประชากรเยอะ รายได้ต่อหัวดี เป็นสังคมอิสลามมีลูก 5-6 คน ครอบครัวเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ อยู่อาศัยในคอนโดฯ มี 3-4 ห้องนอนต่อครัวเรือน รัฐบาลในประเทศก็ส่งเสริมการส่งออก ทำให้ภาคการส่งออกของอินโดนีเซียมีการเติบโต ทำให้คนในประเทศก็มีรายได้กลับมา การบริโภคในประเทศก็ยังมีการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวกับการกินการใช้"นายบุญชัย กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังมีตลาดในต่างประเทศที่ส่งให้ตัวแทนแต่ละประเทศจัดจำหน่าย ได้แก่ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม พม่า มาเลเซีย สิงคโปร์ และ เกาหลีใต้ โดยยอดขายในต่างประเทศมีสัดส่วนไม่ถึง 5% ของยอดขาย
ในปีนี้บริษัทใช้งบการตลาด จำนวน 120 ล้านบาทจากปีก่อนใช้ 100 ล้านบาท สำหรับการประชาสัมพันธ์และออกโฆษณาแต่ละคอลเลคชั่น ส่วนงบลงทุนเปิดสาขาใหม่ในปีนี้ 25 ล้านบาท หรือสาขาละ 1 ล้านบาท โดยจะขยายสาขาเพิ่มอีก 25 สาขา รวมเป็น 70 สาขาภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ในภาพรวมตลาดชุดชั้นใน ในปี 56 คาดว่าจะมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่ง SABINA คาดมีมูลค่าอยู่ในตลาด 3.4 พันล้านบาท รองจากวาโก้ที่เป็นอันดับ 1