สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB236A (รุ่นอายุ 5.9 ปี, 3.9 ปี และ 9.9 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 15,106 ล้านบาท หรือคิดเป็น 76% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BGH233A) มูลค่า 122.3 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ด้อยสิทธิ บมจ. ธนาคารกรุงไทย (KTB22NA) มูลค่า 99.9 ล้านบาท
3. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT14DA) มูลค่า 99.7 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 321.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 43.3% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,731 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,889 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 9,816 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.52% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.48% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.04%
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นในตราสารอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-10 bps. โดยเฉพาะพันธบัตรรุ่น Benchmark Bond อายุ 10 ปี ที่ประมูลวันนี้ Yield ปรับขึ้นถึง 10 bps.เนื่องจากผลการประมูลมียอดจำหน่ายเพียง 6,290 ล้านบาท จากวงเงินประมูล 10,000 ล้านบาท สำหรับนักลงทุนต่างชาติมีแรงซื้อในพันธบัตรระยะสั้น ยอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 9,816 ล้านบาท