บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า ก่อนหน้านี้ในบทวิเคราะห์หุ้น บมจ. ฐิติกร (TK) ฉบับวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมาคาดกาณ์ว่าผลการดำเนินงาน 2Q56 ของ TK จะหดตัวลงจากการชะลอตัวของการบริโภคในประเทศและปัญหา NPLs แต่จากการสอบถามกับผู้บริหารล่าสุดคาดว่าผลงาน 2Q56 ของ TK น่าจะแย่กว่าที่เคยคาดไว้ เนื่องจากบริษัทตัดสินใจที่จะเร่งดำเนินการตัดหนี้สูญ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่านี่จะเป็นจุดต่ำสุดของผลการดำเนินงาน ก่อนที่จะค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี และคาดกำไรจะสู่ระดับปกติได้ตั้งแต่ต้นปีหน้า โดยยังคงเชื่อมั่นในความสามารถในการบริหารงานของบริษัทในระยะยาวและเชื่อว่า TK น่าจะผ่านสถานการณ์ในครั้งนี้ไปได้
ทั้งนี้ คาดกำไร 2Q56F ของ TK ที่ 110 ล้านบาท หดตัวแรง 46%QoQ และ 36%YoY (ต่ำกว่าที่เคยคาดไว้ครั้งก่อนที่ 193 ล้านบาท) สาเหตุหลักของการหดตัวของกำไรที่ค่อนข้างรุนแรงไตรมาสนี้ เกิดจากการเร่ง Write-Off ลูกหนี้ที่เริ่มมีปัญหาด้านความสามารถในการชำระหนี้ และ NPLs ที่จะปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและค่าใข้จ่ายในการตั้งสำรองปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ด้านรายได้ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี โดยสินเชื่อยังคงขยายตัวได้ดี 3.0%QoQ (+5.4%Ytd) ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยยังคงยืนอยู่ในระดับ 30%
พร้อมลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 18 บาท(จากเดิม 22.1 บาท แต่ยังคงแนะ"ซื้อ"โดยมองว่าบริษัทยังมีความสามารถในการบริหารประสิทธิภาพการทำกำไรในระยะยาว ประกอบกับ ราคาหุ้นที่ตกลงมาในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาค่อนข้างแรงทำให้ Valuation อยู่ในระดับที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในระยะยาว โดยหากมอง PER ปี 57 จะอยู่เพียง 8.4 เท่า และมีผลตอบแทนเงินปันผลสูงระดับ 5-6%
อย่างไรก็ตาม ในช่วงสั้นราคาหุ้นอาจจะยังคงได้รับแรงกดดันจากผลการดำเนินงาน 2Q56 ที่ค่อนข้างย่ำแย่ แนะนำให้นักลงทุนเลือกใช้กลยุทธ์การเข้าสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวเป็นหลัก