"ปีนี้บริษัทเน้นการลงทุนมากกว่า โดยจะทยอยสร้างและเปิดขายไปก่อน ซึ่งในปีนี้จะรับรู้รายได้ที่ขายไปหมดแล้วในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้รายได้ในปีนี้จะไม่มากเท่ากับปีก่อน ที่มีรายได้เกือบ 2 พันล้านบาท"นายสรพจน์ กล่าว
ในปี 56 บริษัทจะรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม ไฟคัส เลน และ โครงการศาลาแดง เรสิเดนท์ รวมทั้งรับรู้รายได้ค่าเช่าจากโครงการคิวบ์ ซึ่งเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ย่านช่องนนทรี โดยขณะนี้มียอดจองพื้นที่เต็มแล้วและจะเริ่มเปิดให้บริการต้นไตรมาส 4/56 ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้
ส่วนยอดขายในปีนี้คาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ 7 พันล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกสร้างยอดขายได้แล้วกว่า 6 พันล้านบาทจากโครงการคอนโดมิเนียมมหานคร มูลค่าโครงการราว 1.9 หมื่นหล้านบาท โดยสัดส่วนลูกค้าหลักเป็นต่างชาติกว่า 60% ที่เหลือมาจากกลุ่มลูกค้าในประเทศ ซึ่งโครงการดังกล่าวมีกำหนดสร้างเสร็จในปี 58 คาดว่าบริษัทรับรู้รายได้ในปี 58 ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
ขณะที่โครงการมหาสมุทร ซึ่งเป็นโครงการบ้านพักตากอากาศที่หัวหิน มูลค่าโครงการราว 2.7 พันล้านบาท จะเปิดขายในช่วงปลายปีนี้ โดยมีกำหนดสร้างเสร็จและจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในปี 57 แต่จะรับรู้รายได้ส่วนใหญ่ในปี 58 ประมาณ 6 พันล้านบาท
นอกจากนี้ในช่วงเดือน ก.ย. ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่มีการจัดการแข่งขันรถยนต์ฟอร์มูล่า 1 ที่ประเทศสิงคโปร์ บริษัทมีแผนจะนำโครงการมหานครไปเดินสายโรดโชว์ หลังจากในช่วงต้นปี 56 บริษัทได้นำโครงการนี้ไปโรดโขว์ที่เมืองดูไบ และเกาะฮ่องกงาแล้ว ปรากฎว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติเป็นอย่างมาก และคาดว่าที่สิงคโปร์น่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน
นายสรพจน์ กล่าวว่า บริษัทเตรียมนำเงินจากการขายหุ้น IPO จำนวน 600 ล้านหุ้น หุ้นละ 3.50 บาทเป็นเงิน 2,100 ล้านบาทนั้นแบ่งไปจำนวน 1 พันล้านบาท เข้าลงทุนเพิ่มในโครงการมหานครเป็นสัดส่วน 68% จาก 50% โดยโครงการมหานครเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรจากอิสราเอล นอกจากนั้นเงินส่วนที่เหลือจะนำไปใช้พัฒนา 2 โครงการใหม่ ได้แก่ โครงการมหาสมุทรที่หัวหิน และโครงการคอนโดมิเนียมบนทำเลซอยหลังสวน มูลค่ารวม 9 พันล้านบาท โดยโครงการฯที่หลังสวนจะเริ่มเปิดขายในช่วงสิ้นปีนี้ถึงต้นปีหน้า
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่า หุ้น IPO ของบริษัทจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน แม้ว่าภาวะตลาดหุ้นในขณะนี้จะมีความผันผวน แต่ยังอยู่ในกรอบ และนักลงทุนมักจะมองผลประกอบการและความสามารถทำกำไรมากกว่า โดยบริษัทได้จัดสรรหุ้น IPO จำนวน 600 ล้านหุ้นให้นักลงทุนสถาบัน 25% นักลงทุนรายย่อย 75% ซึ่งให้ราคาดิสเคาน์ 33% กำหนดเปิดจองซื้อ 29-31 ก.ค.นี้ และคาดว่าเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 7 ส.ค. 56
นายสรพจน์ มองภาพธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอ็น ไม่มีความน่าเป็นห่วงเกี่ยวกับจำนวนการขายโครงการ โดยที่ผ่านมาลูกค้าไม่เคยยกเลิกการจองซื้อโครงการ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอ็น มีคู่แข่งในตลาดน้อย ทำให้มีซัพพลายไม่มาก และบริษัทสามารถทำราคาขายได้ดี ลูกค้าที่เข้ามาซื้อมั่นใจเกี่ยวกับทำเลที่ตั้งของโครงการ ซึ่งในอนาคตจะสามารถสร้างมูลค่าได้เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในระดับไฮเอ็น ให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างดี ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบันทั้งตลาดหุ้นตลาดทองคำมีความผันผวน โดยในปีนี้บริษัทได้ปรับราคาขายไปแล้ว 15%