TMB เน้นปล่อยกู้ 4 กลุ่มธุรกิจ หวังสร้างสมดุลพอร์ตสินเชื่อ-สร้างผลตอบแทนที่ดี

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 29, 2013 18:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจ ธนาคารทหารไทย(TMB) กล่าวว่า ธนาคารมั่นใจสินเชื่อรวมในปีนี้จะเติบโต 10% โดยธนาคารจะเน้นการปล่อยสินเชื่อระยะยาว (ตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป) มากกว่าระยะสั้น ถึงแม้ว่าการปล่อยสินเชื่อระยะยาวจะมีความเสี่ยงมากกว่า แต่ธนาคารจะเน้นการสร้างผลกำไรที่ดี โดยจะเน้นกลุ่มลูกค้าสินเชื่อขนาดเล็กถึงกลาง มากกว่าสินเชื่อขนาดใหญ่

ธนาคารมองเห็นถึงโอกาสการเติบโตทางด้านสินเชื่อ โดยธนาคารจะสนับสนุนสินเชื่อให้กับ 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ ลูกค้าที่มีความเกี่ยวข้องกับ โครงการภาครัฐ 2 ล้านล้านบาท โดยจะเน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็น supplier, กลุ่มลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับ ทีวีดิจิตอล ซึ่งธนาคารมองว่าจะเป็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มธุรกิจใหม่ๆอย่าง เช่น ผู้รับติดตั้งเสา ผู้ถ่ายทอด ผู้จำหน่ายอุปกรณ์รับสัญญาณ ซึ่งลูกค้าประเภทนี้มีความเสี่ยงน้อย เพราะเป็นธุรกิจที่ซื้อมาขายไป

อีกทั้งธนาคารจะขยายฐานลูกค้าไปยังภูมิภาค โดยจะเน้นขยายไปตามหัวเมืองต่าง และ กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการค้าชายแดน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรองรับการเติบโตที่ยั่งยืนและเข้มเข็งของธนาคารในอนาคต

“ธนาคารไม่เน้นกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่เหมือนในอดีตเนื่องจากลูกค้าขนาดใหญ่มีมาร์จิ้นน้อย และทำให้บางครั้งธนาคารเกิดปัญหาด้านสภาพคล่องเพราะเน้นการปล่อยกู้มากเกินไป เราไม่จำเป็นที่ต้องจ่ายดอกแพงเพื่อนำเงินมาปล่อยกู้ ซึ่งปัจจุบันธนาคารได้มีการสร้างความสมดุลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารพอร์ตสินเชื่อโดยมีการกระจายพอร์ตลูกค้าอย่างเหมาะสมและได้ผลตอบแทนที่ดีคืนแก่ธนาคาร"นายปิติ กล่าว

ทั้งนี้ ธนาคารมองว่าการเติบโตของสินเชื่อในครึ่งปีหลัง จะไม่เติบโตสูงมากเนื่องจากสิ้นสุดการกระตุ้นเกี่ยวกับการบริโภคทำให้สินเชื่อเพื่อการบริโภคที่เป็นตัวหลักในการผลักดันการเติบโตของสินเชื่อโดยรวมของธนาคารพาณิชย์ลดลง จากความต้องการขอสินเชื่อภาคครัวเรือนในประเทศลดลง และความต้องการบริโภคลดลง เนื่องจากนโยภาครัฐที่สิ้นสุดลง ประกอบกับธนาคารแห่งประเทศไทยที่เข้ามาดูแลหนี้ภาคครัวเรื่อนที่มีแนวโน้มที่สูงขึ้น ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์เข้มงวดมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อภาคครัวเรือน เป็นผลให้สินเชื่อในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการชะลอตัว แต่นโยบายของธนาคารทหารไทย จะไม่เน้นการขยายสินเชื่อให้เติบโตอย่างเดียว จะเน้นคุณภาพสินเชื่อของลูกค้าที่เข้ามาขอสินเชื่อและการกระจายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มต่างๆ

สำหรับเรื่องสภาพคล่อง ปัจจุบันที่ธนาคารพาณิชย์ออกแคมเปญมากขึ้น แสดงให้เห็นถึงสภาพคล่องที่หายากมากขึ้น จากรัฐบาลที่มีแผนการใช้เงินค่อนข้างมาก ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทำให้เงินไปกระจุกตัวอยู่ในโครงการภาครัฐเป็นส่วนใหญ่ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ต้องมีการระดมทุนเข็งขันกับภาครัฐเพื่อนำสภาพคล่องเข้ามาในธนาคาร ประกอบกับ การที่สหรัฐฯ จะมีการชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) ลง ส่งผลให้สภาพคล่องในประเทศมีการไหลออกไป ซึ่งธนาคารพาณิชย์ต่างๆได้มีการเข็งขันในเรื่องของเงินฝากมากขึ้น

นายปิติ กล่าวอีกว่า ธนาคารคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีรายได้จากค่าธรรมเนียมใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกราว 20% และการเติบโตในธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ คาดว่าจะมีมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท ซึ่ง 6 เดือนแรกที่ผ่านมามีมูลค่าราว 6 แสนล้านบาท เนื่องจากธนาคารได้มีการเจาะฐานลูกค้าขนาดกลางมากขึ้นทำให้ธุรกรรมระหว่างประเทศเติบโตกว่า 30% เมื่อเทียบกับอัตราการส่งออก-นำเข้าของประเทศที่ชะลอตัวลง 1%

ส่วนการตั้งสำรองพิเศษนั้น ธนาคารคาดว่ายังไม่มีนโยบายในการเพิ่มสัดส่วนเงินสำรองพิเศษ เนื่องจากปัจจุบันสัดส่วนเงินสำรองของธนาคารสูงถึง 140% ซึ่งสูงเป็นลับดับที่ 2 รองจากธนาคารกรุงเทพ แต่อย่างไรก็ตาม หากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)มีนโยบายให้ปรับเงินสำรองเพิ่มขึ้นก็อาจจะมีการพิจารณาปรับเพิ่มขึ้นตาม เนื่องจากมองว่าการมีสัดส่วนเงินสำรองพิเศษเป็นเรื่องที่ดีในการป้องกันความเสี่ยงของธนาคาร

สำหรับดีลขนาดใหญ่ของธนาคารที่อยู่แผนก็จะมีออกมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากสัปดาห์ก่อนดีลหุ้นกู้ของ CPF ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี แต่ในครึ่งปีหลังคาดว่าผู้ประกอบการจะชะลอการออกหุ้นกู้ เนื่องจากมีแนวโน้มว่าอัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทฯใหญ่ๆที่มีแผนออกหุ้นกู้รอดูสถานการไปก่อน เนื่องจากผลกระทบจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐที่ออกมาพูดแต่ละครั้ง ส่งผลต่อตลาดหุ้นทำให้มีความผันผวน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ