นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยเช้านี้มองว่าจะไม่สดใสมากนัก จากปัจจัยต่างๆ ที่เข้ามานั้นยังเป็นผลกระทบในด้านลบอยู่ จากที่นักลงทุนรอผลการประชุม FOMC ที่จะออกมาในวันที่ 31 ก.ค.ว่าจะมีการส่งสัญญาณใด ๆ ต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ(QE) และคาดว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) จะออกมาไม่ดีนัก
รวมถึงความกังวลในเรื่องของประเด็นทางการเมืองในประเทศ อาจจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นจากการนำ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ และร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เข้าพิจารณาในการประชุมสภาฯ
"ตลาดวันนี้ก็ไม่น่าจะสดใสมากนักจากปัจจัยต่างๆ ที่เข้ามาทั้งปัจจัยในประเทศและปัจจัยต่างประเทศ ตอนนี้ก็ยังอยู่ในทิศทางที่เป็นลบอยู่ วันนี้ก็น่าจะผันผวนอยู่ในกรอบ"นายเทิดศักดิ์ กล่าว
ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคยังไม่เห็นสัญญาณอะไรที่ชัดเจนมากนัก บวกลบ เล็กน้อย
สำหรับกรอบแนวรับ 1,438 จุด และแนวต้าน 1,470 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(29 ก.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 15,521.97 จุด ลดลง 36.86 จุด(-0.24%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,685.33 จุด ลดลง 6.32 จุด(-0.39%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,599.14 จุด ลดลง 14.02 จุด(-0.39%)
- ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 26.93 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 5.14 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 19.99 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 28.67 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.99 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 1.84 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 7.80 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(29 ก.ค.) ที่ 1,454.28 จุด ลดลง 22.43 จุด(-1.52%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,471.26 ล้านบาท เมื่อ 30 ก.ค.56
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(30 ก.ค.)ที่ 104.55 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 15 เซนต์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(29 ก.ค.)ที่ 7.7 เหรียญฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.27/29 อ่อนค่าต่อเนื่อง นักลงทุนรอดูผลการประชุม FOMC
- ธปท.เผยส่งออกไทยครึ่งปีโตไม่ถึง 1% ต่ำกว่าที่ ธปท.คาดการณ์ไว้ ขอการฟื้นตัวอ่อนๆ ของพวกเศรษฐกิจหลักช่วยพยุงและปัจจัยฤดูกาลช่วงปลายปีดันยอดส่งออกไทยฟื้นตัว, เศรษฐกิจครึ่งหลังปี 56 มีแนวโน้มชะลอตัว คลังเล็งปรับลดจีดีพีโตต่ำกว่า 4.0% หลังพบสัญญาณการลงทุน-การบริโภคหล่นวูบ เหลือเพียงการใช้จ่ายภาครัฐช่วยพยุง ระบุทำงบกลางปีอาจไม่ทันการณ์
- เอกชนชี้ไม่ต้องขอร้องตรึงราคาสินค้าครึ่งปีหลัง เหตุขึ้นยากอยู่แล้วเพราะแรงซื้อคนไทยลดต่ำ ย้ำเป็นไปตามกลไกตลาดหากต้นทุนสูงมากอยู่ไม่ได้ก็ต้องขึ้นราคา ผู้ผลิตน้ำตาลมึนรัฐขอร้องไม่ขึ้นราคาทำไมเพราะน้ำตาลถูกควบคุมราคาอยู่แล้ว แต่ถ้าห่วงถุงกก.ขาดก็ต้องเข้าใจว่าโมเดิร์นเทรดโตมากไปแต่ราคาค่าบรรจุภัณฑ์ไม่จูงใจให้ผลิตเอง
- รถคันแรกดันการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินครึ่งปีโตพรวด 9% หรือ จากปกติ 19-20 ล้านลิตรต่อวันขยับมาที่ 22.5 ล้านลิตรต่อวัน สูงสุดในรอบ 5 ปี แถม ส่วนหนึ่งหันไปซบแอลพีจีภาคขนส่งโตพรวด 60.8% อยู่ที่ 4.7 พันตันต่อวัน ปั๊มแอลพีจีผุดรับ 529 แห่ง
- รมว.คมนาคมเผยหากร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมวงเงินไม่เกิน 2 ล้านล้านบาท ผ่านความชอบจากที่ประชุมรัฐสภาวาระ 2 และ 3 และมีการเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะเห็นชอบว่าร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เพราะที่ผ่านมาการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ใช้วิธีการออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงินฯ มาตลอด
*หุ้นเด่น
- BEC(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 73.20 บาท คาดกำไร 2Q56 ทำสถิติสูงสุดเป็นครั้งที่ 5 ในรอบ 2 ปี
ที่ 1,449 ล้านบาท โดยเติบโต 16% YoY และ 5% QoQ สาเหตุหลักจากการปรับขึ้นค่าโฆษณาอย่าง Aggressive ปรับขึ้น 5-50% ของ 34% ของผังรายการตั้งแต่ต้นปี ขณะที่รายการทีวียังได้รับความนิยมสูง และได้ประโยชน์จากอัตราภาษีนิติบุคคลที่ลดลง
คาดกำไร 2Q56 ที่ 115 ล้านบาท เพิ่ม 1.4 เท่า QoQ และ 1.2 เท่า YoY
- PREB(เอเชียพลัส)"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 7.75 บาท คาดงวด 2Q56 กำไรมากสุดเป็นประวัติการณ์ระดับ 115 ล้านบาท เพิ่ม 1.4 เท่า QoQ และ 1.2 เท่า YoY จากการส่งมอบ 2 คอนโดฯกว่า 370 ล้านบาท เพิ่มจาก 68 ล้านบาทในงวด 1Q56 ขณะที่รายได้รับเหมาก่อสร้างคาดทรงตัวจากไตรมาสก่อนที่ 952 ล้านบาท คาด Gross Margin เฉลี่ยสูงขึ้นสู่ 16% เพราะอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายคอนโดมากกว่า 35% เทียบกับธุรกิจรับเหมาที่ 7-8% แนวโน้มกำไร 3Q56 ยังอยู่ในระดับสูง