สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB145B และ LB27DA (รุ่นอายุ 3.9 ปี, 0.8 ปี และ 14.4 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 10,814 ล้านบาท หรือคิดเป็น 78% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) (TK167A) มูลค่า 140.2 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) (KSL14DA) มูลค่า 126.6 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ชนิดทยอยชำระคืนเงินต้น ของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN176A) มูลค่า 113.5 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 380.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 34.5% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 24,482 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 9,527 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 9,613 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.51% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.51% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.03%
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นในตราสารอายุ 5 ปีขึ้นไป ประมาณ 2-5 bps. ปริมาณการซื้อขายส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในพันธบัตร ธปท.ระยะสั้นที่ประมูลวันนี้ โดยมีแรงขายพันธบัตรระยะยาวส่วนหนึ่งเพื่อปรับพอร์ต สำหรับเตรียมเข้าประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่น Benchmark อายุ 15 ปี วันพรุ่งนี้ ด้านนักลงทุนรอติดตามผลการประชุม FOMC ของสหรัฐฯ วันที่ 31 ก.ค.56 สำหรับนักลงทุนต่างชาติมีแรงซื้อในพันธบัตรระยะสั้น ยอดซื้อสุทธิ (NET Buy) เท่ากับ 9,613 ล้านบาท