ส่วนคราบน้ำมันที่ติดตามโขดหินและตามชายหาดจะประสานเจ้าหน้าที่นำสารเคมีและจุลินทรีย์มาช่วยสลายคราบน้ำมัน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาระยะหนึ่ง ส่วนความเสียหายทางสภาวะแวดล้อมทางทะเล จะประสานให้นักวิชาการที่เชี่ยวชาญเข้ามาประเมินและทำการฟื้นฟูต่อไป
ทั้งนี้ นายพงษ์ศักดิ์ ยืนยันว่า พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบบริเวณเกาะเสม็ดมีเพียงอ่าวพร้าว ซึ่งมีพื้นที่ร้อยละ 5 ของเกาะเสม็ดเท่านั้น และยืนยันว่าการท่องเที่ยวโดยภาพรวมของเกาะเสม็ดจึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ส่วนภาพถ่ายดาวเทียมที่สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์กรมหาชน) หรือจิสด้า ถ่ายภาพพบคราบน้ำมันบริเวณทิศเหนือของเกาะได้รับรายงานว่า เป็นเพียงแค่ฟิล์มน้ำมันเท่านั้น เมื่อถูกอากาศร้อนก็จะทำการสลายตัวได้เอง
สำหรับการเยียวยาได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดระยองตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อรับเรื่องร้องเรียนจากผู้ที่ร้องเรียนจากผู้ที่ได้รับผลกระทบและให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ซึ่งหากผู้ได้รับผลกระทบไม่สามารถติดต่อกับทางจังหวัดได้ ก็สามารถติดต่อได้ที่ทางกระทรวงพลังงานโดยตรง และยืนยันทางบมจ.พีทีที โกลบอลเคมิคอล (PTTGC)จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด แต่ขณะนี้ก็ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้
นอกจากนี้ ในช่วงบ่ายจะมีการประชุมร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสรุปความคืบหน้าการจัดการแก้ไขปัญหาน้ำมันรั่วและมาตรการการช่วยเหลือด้วย