(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นดีดตัว หลัง FOMC คงอัตราดอกเบี้ย-เดินหน้าทำ QE

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 1, 2013 09:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยเช้านี้จะสามารถดีดตัวกลับได้ หลังจากที่ปรับตัวลดลงมาอย่างหนักติดต่อกันหลายวัน ประกอบกับช่วงท้ายตลาดวานนี้เห็นแรงซื้อกลับเข้ามาบ้างแล้ว ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี

ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC)มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0-0.25% และจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไป พร้อมทั้งจะยังคงดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจ(QE)8.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน ประกอบกับดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI)ภาคการผลิตของจีนในเดือนก.ค.ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเป็น 50.3 จากที่คาดว่าจะปรับตัวลดลง จะเป็นแรงผลักดันให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยดีดตัวขึ้นมาได้

สำหรับตลาดภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวในแดนบวก ยกเว้นตลาดหุ้นมาเลเซีย และใต้หวัน

พร้อมให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีวันนี้ที่แนวรับ 1,410-1,415 จุด และแนวต้าน 1,435-1,440 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(31 ก.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 15,499.54 จุด ลดลง 21.05 จุด(-0.14%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,685.73 จุด ลดลง 0.23 จุด(-0.01%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,626.37 จุด เพิ่มขึ้น 9.90 จุด(+0.27%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 6.18 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 7.02 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 142.09 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 2.79 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.53 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 22.30 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 5.44 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.09 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 10.00 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(31 ก.ค.) ที่ 1,423.14 จุด ลดลง 12.30 จุด(-0.86%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 197.16 ล้านบาท เมื่อ 31 ก.ค.56
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(31 ก.ค.)ที่ 105.03 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.95 ดอลลาร์
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(31 ก.ค.)ที่ 8.9 เหรียญฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.22/24 แข็งค่าตามภูมิภาคหลังเฟดเดินหน้า QE
  • นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพื่อดูแลผู้ชุมนุมที่ประท้วงรัฐบาลจะส่งผลกระทบความมั่นใจของนักลงทุนเพิ่มขึ้น และจะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยมีปัญหาเพิ่มขึ้นไปด้วย
  • แบงก์ชาติเผยเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ยังชะลอตัวต่อเนื่อง ทั้งการส่งออก-ลงทุนบริโภค ส่วนท่องเที่ยวยังโตดี ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลต่อเนื่อง ชี้ไม่น่าห่วง เพราะเป็นผลจากการนำเข้าทองคำ "ประสาร" หนุนภาครัฐลงทุน โครงการ 2 ล้านล้านบาท เพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจระยะยาว ย้ำต้องเป็นโครงการที่คุ้มค่า โปร่งใส เพื่อลดปัญหาหนี้สาธารณะในอนาคต
  • บริษัทเอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์สเปิดเผยว่า จากการสำรวจราคาที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) ยังปรับตัวต่อเนื่องโดยราคาในปี 2555 อยู่ที่ 6.5 หมื่น-1.5 แสนบาทต่อตารางวา (ตร.ว.) เพิ่มขึ้น 5.3-21.7% เฉลี่ย 11.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าถือว่าราคาปรับขึ้นสูงมากเมื่อเทียบกับราคาที่ดินในกรุงเทพฯที่ปรับขึ้นเฉลี่ย 3.7%
  • "พงษ์ศักดิ์"สั่งตั้งกรรมการระดับจังหวัดรับลงทะเบียนผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำมันรั่ว ระบุ"พีทีทีจีซี"จ่ายทันที ไม่ต้องรอประกันยันขณะนี้คุมสถานการณ์ได้ ด้าน"ชัชชาติ"ถกวันนี้ หาแนวทางฟ้องค่าเสียหาย ขณะผู้บริหารพีทีทีจีซีถกจิสด้า แจงข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม
  • "เบญจา"ไม่หวั่นโครงสร้างภาษีใหม่ 7 ขั้น กระทบ 2.5 หมื่นล้าน ยันไม่กระทบรายได้รัฐบาล พร้อมเร่งรัฐบาลแก้กฎหมายสรรพากรให้ทันประชุมสภาสมัยนี้ ฟุ้งโครงสร้างใหม่ทำให้คนรายได้น้อยประหยัด 50%

*หุ้นเด่นวันนี้

  • BANPU(ทรีนีตี้)แตก Par จากเดิมหุ้นละ 10 บาท เป็นหุ้นละ 1 บาท หุ้นสามัญจดทะเบียนจำนวน 354 ล้านหุ้น จะเปลี่ยนเป็น 3,540 ล้านหุ้น ขณะที่ทุนจดทะเบียนยังคงเท่าเดิมที่ 3,540 ล้านบาท และทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วเท่าเดิมที่ 2,717 ล้านบาท โดยจะนำเสนอเข้าที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 9 ก.ย.เชื่อว่าเป็น Sentiment เชิงบวกต่อราคาหุ้น เนื่องจากช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขาย ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานยังคงเช่นเดิม
  • JAS(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 10.50 บาท ระยะสั้นประเมินผลประกอบการ 2Q56 โดดเด่นด้วยกำไรสุทธิ 759 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% YoY ระยะยาวบริษัทมีจุดแข็งของโครงสร้างธุรกิจที่เอื้อประโยชน์ร่วมกันรวมทั้งบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพผ่านบริการโครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงครอบคลุมทั่วประเทศ ขณะเดียวกันผลบวกการประหยัดต้นทุนจากขนาดธุรกิจที่เติบโตต่อเนื่องทำให้ผลประกอบการในช่วง 3 ปีนี้จะมีอัตราการเติบโตต่อปี 15% ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงเมื่อเทียบกับกลุ่มฯ
  • STEC(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 29.50 บาท ประเมินกำไรสุทธิใน 2Q56 ไว้ที่ 349 ล้านบาท แม้ว่าจะลดลง 13% QoQ จากวันหยุดที่มาก และรายได้อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักที่ลดลง แต่เมื่อเทียบ YoY กำไรสุทธิจะยังคงเพิ่มขึ้น 31% จากรายได้ธุรกิจหลักทั้งการก่อสร้างและบริการที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 16% YoY ตามการรับรู้รายได้ต่อเนื่องในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า และงานโรงไฟฟ้า ขณะที่จุดเด่นของ STEC ยังคงอยู่ที่อัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องถึง 9.4% และสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งกว่ากลุ่มเพราะไม่มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อผู้ถือหุ้น (Net Cash)
  • SCC(ฟินันเซีย ไซรัส)รายงานกำไรสูงกว่าคาด โดยเพิ่มขึ้น 132% Y-Y และ 13% Q-Q เป็น 9.9 พันล้านบาท จากเงินปันผลที่สูงกว่าคาดจาก Toyota และกำไรของธุรกิจเคมีที่ดีกว่าคาด จึงปรับกำไรปีนี้ขึ้น 16% เป็น 3.5 หมื่นล้านบาท (+48% Y-Y) พร้อมปรับเป้าหมายขึ้นเป็น 500 จาก 475 บาท และเพิ่มคำแนะนำเป็นถือ หลังจากที่แนะนำขายและราคาหุ้นปรับลงไปแล้ว นอกจากนี้ บริษัทประกาศจ่ายปันผลกลางปี 5.50 บาท/หุ้น XD 9 ส.ค. จ่ายเงิน 29 ส.ค.
  • SIM(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 5.10 บาท เนื่องจากผลประกอบการ 2Q56 จะโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม Telecom โดยคาดกำไรปกติ 2Q56 จะเติบโตสูง +1,078% yoy และ +53% qoq เป็น 269 ล้านบาท จากอานิสงค์ของการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยีเข้าสู่ระบบ 3G และเป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือจาก Feature Phone เป็น Smartphone มากขึ้น และผลักดันให้รายได้ 2Q56 เติบโต +80% yoy และ +12% qoq เป็น 2,740 ล้านบาท พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 2556 จะเติบโตสูงถึง +387.5% yoy เป็น 808 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ