ปัจจุบัน KTECH มีงานในมือจำนวน 5 โครงการได้แก่ พลัส คอนโดมิเนียม หาดใหญ่ (โครงการ พลัส 3 และ โครงการ พลัส 4) โครงการ พีค พัทยาโครงการมิราจ สุขุมวิท 27 และโครงการของการรถไฟแห่งประเทศไทย คิดเป็นพื้นที่รวมกว่า 150,000 ตรม. และเตรียมยื่นประมูลงานใหม่เพิ่มเติมอีกหลายโครงการ และคาดว่าภายในปี 56 บริษัทฯจะมีรายได้รวมจะขยับเพิ่มขึ้นมาแตะ 450 ล้านบาทสำเร็จ อีกทั้งพลิกผลประกอบการให้มีกำไรสุทธิได้อีกครั้งในรอบ 3ปี โดยคาดว่าจะมีกำไรประมาณ 15 ล้านบาท
นางอายุกร กล่าวว่า นับตั้งแต่ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่ง เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2553 ตามคดีหมายเลขแดงที่ ฟ.15/2553 มีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ และทำให้ KTECH มีข้อจำกัดในการรับงาน ทั้งนี้ การดำเนินงานของ KTECH เริ่มดีขึ้นตามลำดับหลังจากที่ได้มีการปรับโครงสร้างทั้งการถือหุ้นและด้านเงินทุนใหม่ ซึ่งที่ผ่านมานายบี เตชะอุบลและนักลงทุนกลุ่มใหม่อีกจำนวนหนึ่งได้เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนและทำให้ KTECHมีเงินทุนบริหารกิจการเป็นมูลค่ารวมกว่า 600 ล้านบาท ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ KTECH สามารถแก้ไขปัญหาสภาพคล่องได้และเข้าร่วมประมูลงานรับเหมาก่อสร้างจนได้รับงานใหม่ๆเพิ่มขึ้น
ในช่วงบริหารแผนฟื้นฟูกิจการ KTECH จะจำกัดการดำเนินงานอยู่เพียงแค่งานก่อสร้างทั่วไปเท่านั้น ซึ่งได้แก่ อาคารที่พักอาศัย อาคารพาณิชย์และโรงแรมและยังรับงานด้านวิศวกรรมโยธาทั่วไป จากก่อนหน้านี้ ที่ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างแบบเหมารวม หรือ Turnkey Contracts โดยให้บริการตั้งแต่การวางรากฐาน จนกระทั่งอาคารเสร็จสมบูรณ์ในลักษณะที่เรียกว่า One-Stop Service
อย่างไรก็ดี สิ่งที่บริษัทฯ ดำเนินการพร้อมไปกับงานก่อสร้างคือการพัฒนาความสามารถของตัวเองในด้านวิศวกรรมทางด้านระบบเครื่องกลและไฟฟ้าอันเป็นระบบที่เชื่อมโยงกับระบบอาคารจนกว่าจะบรรลุถึงความสามารถในการบริหารจัดการเพื่อพัฒนาศักยภาพด้านงานวิศวกรรมทางด้านระบบเครื่องกลและไฟฟ้าใหม่อีกครั้ง