“การเปิดจองซื้อหุ้นไอพีโอของ PACE ถือว่าเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ซึ่งปัจจัยหลักมาจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องตามการเติบโตของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ บวกกับการการกำหนดราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอที่ 3.50 บาทต่อหุ้น ถือว่าเป็นระดับราคาที่เหมาะสม มีส่วนลด 33% จากราคาเป้าหมาย 5.20 บาท ของบทวิเคราะห์ (Research) ของบล.เอเซีย พลัส จึงเชื่อมั่นว่าเมื่อหุ้น PACE เข้าเทรดจะได้รับการต้อนรับที่ดีจากนักลงทุนเช่นกัน"นายก้องเกียรติ กล่าว
ด้านนายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PACE กล่าวว่า จากผลสรุปยอดจองซื้อหุ้นไอพีโอของบริษัท สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัท เนื่องด้วยการดำเนินธุรกิจของบริษัทสามารถขยายตัวต่อเนื่องได้ตามอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตทุกปี โดยเฉพาะในเซ็กเมนต์ไฮเอนด์ที่บริษัทมีความชำนาญซึ่งเห็นได้ว่ามีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด บริษัทมีโครงการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าระดับนี้ที่ซัพพลายจริงๆ มีจำนวนน้อย อีกทั้งความต้องการของตลาดรวมถึงราคาของสินค้าได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยภายนอกอื่นๆ ค่อนข้างน้อย บริษัทฯต้องขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความสนใจจองซื้อหุ้นของ PACE ในช่วงวันเปิดจองซื้อที่ผ่านมา
“เชื่อว่าการเสนอขายหุ้นไอพีโอครั้งนี้และการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะเป็นก้าวสำคัญที่จะเพิ่มศักยภาพทางการเงินให้กับบริษัทด้วยฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมเติบโตอย่างมั่นคงและท้าทายกับโครงการใหม่ๆ ของบริษัทในอนาคต รวมทั้งจะทำให้ PACE เป็นที่รู้จักและยอมรับในวงกว้างอีกด้วย จำนวนเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้บริษัทจะใช้เพื่อการลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์โครงการใหม่ๆ ซึ่งจะทำให้มีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง" นายสรพจน์ย้ำ
เป้าหมายการดำเนินธุรกิจในปี 56 PACEจะยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับ"ไฮเอนด์"อย่างต่อเนื่อง โดยจะยังคงมุ่งเน้นการลงทุนพัฒนาโครงการในพื้นที่ที่มีศักยภาพทางธุรกิจ (prime location) ใจกลางกรุงเทพมหานครและในจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญ โดยได้ลงทุนซื้อที่ดินที่หัวหินซอย 112 อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อทำโครงการมหาสมุทร วิลล่าตากอากาศจำนวน 90 หลัง มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท โดยล่าสุดได้เปิดตัวโครงการไปแล้วและคาดว่าจะเปิดให้จองโครงการได้ประมาณเดือนเมษายน 2557
รวมถึงการลงทุนซื้อที่ดินเพื่อสร้างคอนโดมีเนียมหรู 30 ชั้น มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท บนถนนหลังสวนใกล้กับสวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร ซึ่งโครงการใหม่ดังกล่าวจะมุ่งเน้นตอบสนองลูกค้ากลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและมีความต้องการที่พักอาศัยหรือบ้านพักตากอากาศระดับไฮเอนด์ ที่ลูกค้ามั่นใจได้ในมาตรฐานการก่อสร้างและการตรวจสอบคุณภาพงานด้วยนโยบาย Zero Defect การเลือกวัสดุอุปกรณ์คุณภาพสูง และเน้นงานออกแบบระดับเวิลด์คลาส ทุกโครงการเน้นตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่โดดเด่นสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก