สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB21DA และ LB176A (รุ่นอายุ 5.8 ปี, 8.3 ปี และ 3.8 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 5,318 ล้านบาท หรือคิดเป็น 67% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของ บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (A157A) มูลค่า 432.0 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีประกันของบริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (AP169A) มูลค่า 195.0 ล้านบาท
3. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT146A) มูลค่า 161.5 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 788.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 46.0% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 15,931 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 10,306 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -7,289 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.5% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.57% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01%
Yield Curve ค่อนข้างนิ่ง โดยปรับลดลงเล็กน้อยในตราสารอายุ 20 ปีขึ้นไป ประมาณ 1 bp. โดยล่าสุดผลการประชุม FOMC ของสหรัฐฯ ยังคงดอกเบี้ยนโยบายและไม่ได้ส่งสัญญาณลดขนาด QE3 ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ สำหรับนักลงทุนต่างชาติมีแรงขายในพันธบัตรระยะสั้น ยอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 7,289 ล้านบาท