ทั้งนี้ เอ็มเคฯ จะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 185.85 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ราคาขายหุ้น IPO ที่ 49 บาทให้ส่วนลดประมาณ 36% และเป็นราคาที่มี P/E เท่ากับ 27.8 เท่า โดยคำนวณจากกำไรในปี 55 หารด้วยจำนวนหุ้นหลังการเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 905.85 ล้านหุ้น เท่าก้บ 2.25 บาท และเทียบกับ P/E ผู้ประกอบการในกลุ่มเดียวกันในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา (27 มิ.ย. 26 ก.ค.)อยู่ที่ 34 เท่า
สำหรับเงินที่ระดมทุนในครั้งนี้มีจำนวน 9,100 ล้านบาท จะนำไปจ่ายค่าก่อสร้างโรงงงานครัวกลางแห่งใหม่ จำนวน 1,000 ล้านบาท, คืนเงินกู้สำนักงานใหญ่แห่งใหม่, ขยายสาขา 320 ล้านบาท และสำรองเป็นเงินทุนหมุนเวียน
นายฤทธิ์ ธีระโกเมน กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป ดำเนินธุรกิจอาหารสุกี้ภายใต้ชื่อร้าน"เอ็มเค สุกี้" คาดหวังว่า หุ้นเอ็มเคฯที่จะเข้าเทรดวันแรกในวันที่ 15 ส.ค.หวังว่าตลาดหุ้นโดยรวมน่าจะดีขึ้น และไม่กังวลว่าจะมีปัจจัยใดเข้ามากระทบ เพราะเชื่อมั่นในคุณภาพของบริษัทที่มีพื้นฐานดี ซึ่งที่ผ่านมาไม่ว่าจะเจอมรสุมหรือวิกฤตมากี่ครั้งบริษัทก็ฝ่าฟันมาได้และยังเติบโตต่อเนื่อง นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา 28 ปี
"ไม่กังวลการเมือง เพราะไม่เข้าใจการเมือง เราทำการค้าอย่างเดียว มุ่งที่จะตอบสนองลูกค้าเอ็มเอฯ ตลอดไป ที่ผ่านมาเจอมรสุมทุกอย่าง ต้มยำกุ้ง หวัดนก แต่บริษัทก็ยังโตได้ต่อเนื่อง"นายฤทธิ์ กล่าว
ในไตรมาส 3/56 บริษัทจะเปิดสาขาร้านเอ็มเค สุกี้ ซึ่งเป็นสาขาแรกในประเทศอินโดนีเซีย และตามแผนจะขยายสาขาในสิงคโปร์ภายในสิ้นปี 60 ให้มีสาขาร้านเอ็มเค สุกี้ 10 สาขา และร้ายยาโยอิ 5 สาขา ปัจจุบัน มีจำนวนสาขาสุกี้เอ็มเคฯ 38 สาขากระจายในญี่ปุ่น เวียดนาม และ เพิ่งเปิดสาขาแรกในสิงคโปร์เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา และมีสาขา ยาโยอิ ในสิงคโปร์ใน 4 สาขา
ณ สิ้น ก.ค.56 เอ็มเคฯ มีจำนวนสาขาทั้งหมด 473 สาขา แบ่งเป็น ร้านเอ็มเค สุกี้ 366 สาขา ร้านยาโยอิ 101 สาขา ร้านฮากาตะ 1 สาขา ร้านอาหารไทยเลอ สยาม 2 สาขา ร้านอาหาร ณ สยาม 1 สาขา และร้านกาแฟเบเกอร์รี่ เลอ เพอทิท 1 สาขา