นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเชียพลัส(ASP)กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้ไม่น่ากังวล เพราะที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้มาหลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฉะนั้น เรื่องปัจจัยการเมืองให้ตัดทิ้งไปได้เลย ไม่ได้เป็นเหตุผลที่ทำให้ตลาดปรับตัวลง แต่เป็นเพราะการปรับตัวของตลาดหุ้นในประเทศเกิดใหม่ ขณะเดียวกันตลาดหุ้นทั่วโลกก็ปรับตัว ประกอบกับนักลงทุนขายออกหลังบริษัทจดทะเบียนประกาศผลประกอบการ
"ปัจจัยทางการเมืองยังไม่แน่นอน และตอนนี้มี พ.ร.บ.มั่นคงฯ ออกมาแล้ว ที่เหมือนในอดีต มองว่าไม่น่าห่วง นักลงทุนควรโฟกัสที่ตลาดทุนโลกที่กำลังฟื้นตัว เช่น สหรัฐ ตัวเลขผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนหลายบริษัทก็ดีขึ้น และยอดขายรถยรนต์ก็เติบโตก้าวกระโดด อัตราการว่างงานลดลง ยุโรปผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว กำลังจะฟื้นตัวดีขึ้น ซึงถ้าตลาดโลกดี ตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลประโยชน์ในระยะยาวที่น่าจะปรับตัวดีขึ้น ตามเศรษฐกิจโลกที่ฟื้น"นายก้องเกียรติ กล่าว
ทั้งนี้ แนะเลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัว เพราะมองว่ากลุ่มหลักๆ 3-4 กลุ่มของตลาดตอนนี้ราคาไปได้ไม่ไกล ส่วนหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างและกลุ่มรับเหมาก่อสร้างก็ขึ้นกับ พ.ร.บ. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานว่าจะผ่านสภาฯและมีผลเมื่อไร ถ้าหากผ่านได้ก็จะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มนี้
"การลงทุนมองเป็นกลุ่มไม่ได้ ให้เลือกเป็นรายตัวจะดีกว่า เพราะที่ผ่านมา กลุ่มที่มีน้ำหนักต่อดัชนีมีอยู่ 3-4 กลุ่มหลัก พลังงานแบงก์ สื่อสาร พลังงาน ซึ่ง 3 กลุ่มหลัก เช่น พลังานไม่น่าจะไปไหน เพราะอยู่กับราคาพลังงานในตลาดโลก กลุ่มแบงก์ ราคาปรับขึ้นไปพอสมควรแล้ว และนักลงทุนก็เริ่มหันกลับมามองว่าเศรษฐกิจจะโตไหม เพราะแบงก์จะโตตามเศรษฐกิจ ซึ่งหุ้นกลุ่มแบงก์ได้ปรับตัวสะท้อนปรับตัวงลงรับข่าวนี้แล้ว กลุ่มสื่อสารจะมีข่าวดีการประมูล การตั้งกองทุนอินฟราสตรัคเจอร์ ซึ่งหุ้นบางตัวก็รับรู้ข่าวนี้ไปแล้ว ดังนั้นการลงทุนช่วงนี้ต้องดูรายบริษัทจะดีกว่า"นายก้องเกียรติ กล่าว