ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย: วันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 70,581 ล้านบาท

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 2, 2013 17:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 70,581 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 59,589 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 84.4% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 8,482 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 12.0% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 772 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด

สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB21DA และ LB236A (รุ่นอายุ 3.8 ปี, 8.3 ปี และ 9.8 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 5,733 ล้านบาท หรือคิดเป็น 68% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ

1. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT14DA) มูลค่า 100.8 ล้านบาท

2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT149A) มูลค่า 92.0 ล้านบาท

3. หุ้นกู้ของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN171A) มูลค่า 80.7 ล้านบาท

โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 273.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 35.4% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้

ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ

1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 11,852 ล้านบาท

2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 17,131 ล้านบาท

ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 349 ล้านบาท

ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.5% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.57% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน

>>ภาพรวมของตลาดในวันนี้

Yield Curve ค่อนข้างนิ่ง โดยปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-2 bps. ในทิศทางเดียวกับ US Treasury โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ทยอยประกาศออกมาล่าสุด อาทิ Jobless Claim ที่ลดลง และดัชนี PMI ที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น ทำให้มีแรงซื้อในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น สำหรับนักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 349 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ