อย่างไรก็ตาม รายได้ปีนี้จะเติบโตสูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 5.3 พันล้านบาท และคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะสูงกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.4 พันล้านบาท
สำหรับช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทคาดว่าจะมีรายได้และกำไรสุทธิดีกว่าช่วงครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 2.5 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,396 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายน้ำในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตดีขึ้นต่อเนื่องตามปริมาณการใช้น้ำ จากช่วงครึ่งปีแรกที่มียอดขายน้ำประปา 136 ล้านลบ.ม. และจากที่โรงไฟฟ้าบางปะอินเริ่มเดินเครื่องเมื่อ มิ.ย.56 ที่ผ่านมาทำให้มีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นด้วย
"ปีที่แล้ว สิทธิประโยชน์ทางภาษี BOI หมดเมื่อเดือน ก.ค. 55 แต่ปีนี้เสียภาษี(นิติบุคคล) 20% จากปีก่อนเสีย 23%...กำไรสุทธิทั้งปีมั่นใจดีกว่าปีก่อน"นายสมเกียรติ กล่าว
ส่วนไตรมาส 2/56 ที่มีกำไรสุทธิลดลง 7.4% เพราะมีภาระดอกเบี้ยจ่ายจากการกู้เงินไปลงทุน CKP (กู้เงิน 2,760 ล้านบาท)
ปัจจุบัน TTW มีโรงงานผลิตน้ำประปาที่ปทุมธานี ซึ่งปีนี้มียอดขาย 3.74 แสนลบ.ม.จากกำลังการผลิต 3.9 แสนลบ.ม. คาดว่าปีหน้าจะมียอดขายเต็มกำลังการผลิต บริษัทได้เตรียมขยายโรงผลิตเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 4.8 แสนลบ.ม. เงินลงทุน 1 พันล้านบาทในปีหน้า ขณะนี้รอการประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.)อนุมัติการลงทุน ส่วนโรงผลิตอีกแห่งที่นครปฐม มีกำลังการผลิต 4.4 แสนลบ.ม. ปีนี้ผลิตและขาย 3.7 แสนลบ.ม. อยู่ระหว่างการยื่นขอขยายการผลิตคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ 2-3 ปีนี้ ใช้งบลงทุนประมาณ 2 พันล้านบาท
นายสมเกียรติ กล่าวว่า บริษัทยังเดินหน้าขยายธุรกิจผลิตน้ำประปาในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ พม่า เวียดนาม และลาว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาโครงการ โดยคาดว่าจะขายน้ำประปาผ่านหน่วยงานรัฐบาลในแต่ละประเทศ และบริษัทจะหาพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในการบริหารงานในแต่ละประเทศ
ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมยื่นประมูลโรงไฟฟ้าขยะขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่นแถบภาคเหนือ คาดว่าจะเปิดประมูลในไตรมาส 3/56 หลังเลื่อนจากไตรมาส 2/56 โดยประมาณการเงินลงทุนเบื้องต้นไม่เกิน 900 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะออกและเสนอขายหุ้นกู้ จำนวน 1.7 พันล้านบาทช่วง ก.พ. 57 เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนดไถ่ถอน โดยรอบนี้จะออกหุ้นกู้อายุ 7-10 ปี จากเดิม 7 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับการลงทุนของบริษัท
ปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดอยู่ 6 พันล้านบาท หากจ่ายเงินปันผลระหว่าง 1 พันล้านบาทในเดือน ส.ค.นี้ก็จะเหลือ 5 พันล้านบาท ประกอบกับบริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุนเท่ากับ 1.3 เท่า ทำให้สามารถกู้เงินเพิ่มได้อีกราว 6 พันล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมีหนี้สินอยู่ 1.32 หมื่นล้านบาทแบ่งเป็นหุ้นกู้ 7 พันล้านบาทและหนี้สถาบันการเงิน 6.2 พันล้านบาท ต้นทุนการเงินเฉลี่ย 4.7%