นายเพ็ตเตอร์ เฟอร์เบิร์ก รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการเงินและบัญชี DTAC เปิดเผยว่า บริษัทปรับงบลงทุนในปีนี้เพิ่มเป็น 1.45 หมื่นล้านบาท จากเดิม 1.25 หมื่นล้านบาท ส่วนงบลงทุน 3 ปี ยังคงงบลงทุนไว้ 3.4 หมื่นล้านบาท เนื่องจากต้องการให้บริการ 3G บนคลื่น 2.1 GHz ครอบคลุมประชากร 50% ภายในปีนี้ จากเดิมตั้งเป้าหมายไว้ครอบคลุมประชากร 30%
"ปีนี้ที่ใช้มาก เพราะตลาดตอบรับสัดส่วนผู้ใช้สมาร์ทโฟนที่เติบโตได้ต่อเนื่อง จึงอยากลงทุนเพิ่มอีก 2 พันล้านบาท เพื่อให้สิ้นปีนี้ ให้บริการ 3G บนคลื่น 2.1 GHz ครอบคลุมประชากร 50%"นายแพ็ตเตอร์ กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทได้ลงทุนไปแล้ว จำนวน 4.5 พันล้านบาท งบส่วนที่เหลือจะลงทุนในครึ่งปีหลัง โดยเดือนต.ค.นี้จะมีการลงทุนโครงข่าย ครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศ
สำหรับผลประกอบการในปีนี้ บริษัทยังคงเป้ารายได้รวมเติบโตเป็นอัตรา high single digit แม้ครึ่งปีหลังจะมีเรื่องการแข่งขันที่สูงขึ้น และรายได้จากค่าเชื่อมโยงโครงข่ายลดลง แต่รายจ่ายก็ลดลงตามไปด้วย ทั้งนี้ได้ปรับลดอัตราค่าเชื่อมโยงโครงข่ายเหลือ 0.45 บาท/นาที จากเดิมในอัตรา 1.00 บาท/นาทีมีผลในไตรมาส 3/56
ขณะเดียวกันบริษัทพยายามรักษา EBITDA Margin ในระดับอัตรา 30-31% แม้ว่าในไตรมาส 2/56 ลดลงเล็กน้อย เพราะรายได้จาการขายเครื่องเพิ่มขึ้น ซึ่งมีมาร์จิ้นน้อย แต่ไตรมาส 1 และไตรมาส 4 เป็นไตรมาสที่ดี จึงคาดว่าจะดึง EBITDA Margin ไว้ได้
ในครึ่งปีหลังเชื่อว่าจะมีการใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้น เป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าใช้ 3G มากขึ้น และจะทำให้มีรายได้จากการใช้บริการดาต้ามากขึ้น และ ดีแทคมั่นใจแพกเกจของบริษัทสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้และจับคู่ทั้งค่าโทรและค่าเน็ต จึงมั่นใจกว่า จะสามารถแข่งขันได้
ปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีลูกค้าใช้งาน 3G จำนวนประมาณ 8-10 ล้านรายภายในสิ้นปีนี้ แบ่งเป็น 40% เป็นการโอนย้ายจากบูกค้าเดิม และ 60% เป็นการขายซิมใหม่ในตลาด ทั้งนี้ บริษัทยังเห็นการเติบโตต่อเนื่องทั้งบริการอินเตอร์เน็ต และสมาร์ทโฟน ซึ่งมีสัดส่วน 23% ของฐานลูกค้า 3G ของ DTAC ที่มีอยู่ 3.4 ล้านราย