นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัด KBANK เปิดเผยว่า ปัจจุบันทางธนาคารยอมรับว่าอัตราการปฏิเสธสินเชื่อบ้านปรับตัวเพิ่มสูงหลังจากที่ภาระหนี้ภาคครัวเรือนสูงขึ้น ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ทางธนาคารต้องมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสินเชื่อบุคคลนั้น ธนาคารยังไม่ได้เจอปัญหาเรื่องสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)มากนัก เพราะธนาคารได้มีการเลือกปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้มีรายได้มากกว่า 15,000 บาท/เดือน ซึ่งยังมีความสามารถในการชำระหนี้ดี และมีความเข้มเข็งต่อสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีความผันผวน ขณะที่ธนาคารก็มีสินเชื่อส่วนบุคคลของกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท/เดือน แต่มีจำนวนไม่มากเพียง 17% เท่านั้น ซึ่งในส่วนนี้ธนาคารเจอปัญหา NPL ประมาณ 1% ถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำและยังไม่ได้เกิดผลกระทบต่อธนาคารมากนัก
สำหรับสถานการณ์การเมืองที่อาจเกิดความรุนแรงนั้น ธนาคารได้สั่งการให้แก่ผู้จัดการสาขาว่าหากเกิดความรุนแรงในระดับหนึ่ง อาจจะมีการปิดสาขาในสถานที่ดังกล่าวได้ แต่ก็เชื่อว่าคงไม่รุนแรงหรือยืดเยื้อ แต่หากเกิดเหตุการที่ยืดเยื้อและรุนแรงก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการลงทุนได้