สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LBF139A และ LB155A (รุ่นอายุ 3.8 ปี, 0.1 ปี และ 1.8 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 7,867 ล้านบาท หรือคิดเป็น 70% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY142B) มูลค่า 465.6 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC147A) มูลค่า 408.5 ล้านบาท
3. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (MBTH157A) มูลค่า 200.2 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 1,074.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63.9% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 22,457 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 14,141 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -747 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.48% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.02% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.56% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%
Yield Curve ปรับลดลงเล็กน้อยในทุกช่วงอายุตราสาร ประมาณ 1-2 bps. มูลค่าการซื้อขายส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในพันธบัตร ธปท. ระยะสั้นที่ประมูลวันนี้ ทั้งนี้นักลงทุนติดตามผลการประมูลพันธบัตร Benchmark รุ่นอายุ 3 ปี ที่จะประมูลวันพรุ่งนี้ และบางส่วนยังคงติดตามปัจจัยการเมืองภายในประเทศ สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 747 ล้านบาท