“นักลงทุนให้ความเชื่อมั่นหุ้น M มาก เนื่องจากเป็นสินค้าที่เข้าใจง่ายอยู่ในชีวิตประจำวัน เป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งและเป็นที่จดจำของผู้บริโภค และเป็นบริษัทที่มีผลประกอบการที่ดีมาโดยตลอด มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง"นายก้องเกียรติ กล่าว
การกำหนดราคาไอพีโอ 49 บาท ได้ทำการสำรวจความต้องการจากนักลงทุนสถาบัน (Book building) จากช่วงราคา 45-49 บาท ซึ่งมียอดจองล้นมากถึง 18 เท่าของจำนวนหุ้นที่เสนอขายต่อนักลงทุนสถาบัน และราคาไอพีโอที่ 49 บาท คิดเป็นอัตรา P/E เท่ากับ 21.8 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิสำหรับปี 2555 หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญหลังการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้รวม 905.85 ล้านหุ้น EPSเท่ากับ 2.25 บาท เทียบกับ P/E ของผู้ประกอบการอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันในช่วงระยะเวลา 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน ถึงวันที่ 26 กรกฏาคม 2556 เท่ากับ 34.0 เท่า หรือมีส่วนลด 36%
ทั้งนี้ สัดส่วนการกระจายหุ้นไอพีโอของ M ได้จัดสรรให้กับนักลงทุนรายย่อยในประเทศสัดส่วน 65% นักลงทุนสถาบัน 13% และที่เหลืออีก 22% จัดสรรให้กับผู้มีอุปการะคุณ
นายฤทธิ์ ธีระโกเมน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร M กล่าวว่า บริษัทมีความพร้อมที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง ด้วยการขยายสาขาของ เอ็ม เค สุกี้ และ ยาโยอิ สองแบรนด์หลัก ทั้งในประเทศและออกสู่ตลาดต่างประเทศ แผนการขยายสาขาในประเทศปีนี้ บริษัทตั้งเป้าไว้ 65 สาขา ได้แก่ เอ็มเค สุกี้ 40 สาขา และยาโยอิ 25 สาขา ในไตรมาส 3 นี้ บริษัทฯ มีแผนจะเปิด เอ็มเค สุกี้ สาขาแรกในอินโดนีเซีย หลังจากที่ได้ออกไปทำตลาดในญี่ปุ่น เวียดนาม และสิงคโปร์ มาแล้ว ปัจจุบันมีจำนวนสาขาในต่างประเทศรวม 42 สาขา นอกจากนี้จากการที่มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมีเงินทุนที่พร้อม ทำให้บริษัทมีความพร้อมรองรับโอกาสการลงทุนได้ในอนาคต
สำหรับภาวะตลาดหลักทรัพย์ในปัจจุบันที่ถือว่ามีสถานการณ์ที่มีความผันผวนอยู่บ้างนั้น นายก้องเกียรติ กล่าวว่า หากประเมินปัจจัยพื้นฐานของหุ้น M ที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร การบริโภค เป็นธุรกิจที่ตอบรับกับลักษณะการใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่รับประทานอาหารนอกบ้านมากขึ้นที่ผ่านมาบริษัทฯมีผลประกอบการอยู่ในระดับที่ดี มีการขยายสาขาเติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด การระดมทุนไอพีโอจำนวน 9,100 ล้านบาทในครั้งนี้จะรองรับการต่อยอดโอกาสทางธุรกิจให้บริษัทได้เป็นอย่างมาก