สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB21DA และ LB15DA (รุ่นอายุ 3.8 ปี, 8.3 ปี และ 2.3 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 5,572 ล้านบาท หรือคิดเป็น 66% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BECL163A) มูลค่า 189.9 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT146A) มูลค่า 169.7 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) (TUF147A) มูลค่า 126.9 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 486.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 49.4% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 16,720 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 8,809 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -2,261 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.47% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.53% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.03%
Yield Curve ปรับลดลงในทุกช่วงอายุตราสาร ประมาณ 1-3 bps. ในทิศทางเดียวกับ US Treasury ด้านนักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะ Jobless Claims ที่จะประกาศออกมาคืนนี้ โดยตลาดยังคงกังวลว่า Fed อาจจะปรับลดขนาดมาตรการ QE เร็วกว่าที่คาดไว้ สำหรับนักลงทุนต่างชาติมีแรงขายในพันธบัตรระยะสั้น ยอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 2,261 ล้านบาท