ภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 2/56 (เม.ย.- มิ.ย.)ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 24.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 148 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 51.6 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯมีอัตราในการทำกำไรสุทธิ 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.56) 89.11 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 178 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตราการเติบโตของรายได้รวมอยู่ที่ 1,683 ล้านบาท เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 44 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิในไตรมาส 2/56 ปรับตัวลดลงร้อยละ 61 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/56 ที่มีกำไรสุทธิ 64.19 ล้านบาท เนื่องจากราคาถ่านหินอ้างอิงที่ปรับตัวลดลง และการแข่งขันของตลาดในประเทศและต่างประเทศที่สูงขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิปรับตัวลดลงตามสภาวะตลาด โดยบริษัทยังคงมองทิศทางถ่านหินว่ายังคงทรงตัว แต่ในช่วงปลายไตรมาส 4 ราคาอาจจะมีการปรับตัวขึ้นจากความต้องการใช้ไฟในฤดูหนาวที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ สาเหตุที่บริษัทฯมีการเติบโตของรายได้รวมที่ดีขึ้น เป็นผลมาจากการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ ประเทศจีนและอินเดีย เนื่องจากนโยบายการขยายโรงไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการใช้ถ่านหินในประเทศดังกล่าวต้องปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม โดย AGE มียอดคำสั่งซื้อจาก 2 ประเทศดังกล่าวเข้ามาแล้ว โดยแบ่งเป็นออเดอร์จากประเทศจีน ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาเฉพาะครึ่งปีแรกประมาณ 450,000 ตัน ขณะที่ออเดอร์ในอินเดีย เข้ามาแล้วกว่า 50,000 ตัน ส่งผลให้บริษัทมียอดขายถ่านหินในตลาดต่างประเทศ ครึ่งปีแรกกว่า 506,550 ตัน ใกล้เคียงยอดขายต่างประเทศของปี 55 ทั้งปี
บริษัทยังคงมุ่งเน้นแนวทาง การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้เข้าร่วมกับกลุ่มรักษ์ชุมชน โดยเป็นการร่วมมือกันของ 9 องค์กร จากกลุ่มผู้ประกอบการปูนซีเมนต์และกลุ่มผู้นำเข้าถ่านหินชั้นนำในอำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อผลักดันมาตรฐานการดำเนินการ และพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมมุ่งมั่นดูแลเอาใจใส่ชีวิตของประชาชนในชุมชน เพื่อให้ผู้ประกอบการอยู่ร่วมกับชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน