บล.ธนชาต ซื้อ 68.00 บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 55.00 บล.เอเชียพลัส ซื้อ 53.00 บล.บัวหลวง ซื้อ 45.00 บล.กรุงศรี ซื้อ 58.00 บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ซื้อ 49.00 บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ซื้อ 48.00
นางสาวสุทธาทิพย์ พีรทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง กล่าวว่า มอง CPALL ในไตรมาส 2/56 กำไรสุทธิลดลง 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ปรับตัวเพิ่มสูง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลประกอบการที่ใกล้เคียงกับคาดการณ์ โดยผลประกอบการ CPALL ยังมีการเติบโตที่ดีจากการเปิดร้านเซเว่น 169 สาขาในไตรมาส 2
แนวโน้มในไตรมาส 3/56 CPALL จะมีการรวมงบกำไรขาดทุนของ บมจ.สยามแม็คโคร(MAKRO)ประกอบกับ ร้านเซเว่นฯมีการทำโปรโมชั่นสะสมแสตมป์เพื่อกระตุ้นยอดขาย และขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายจะมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ แต่อย่างไรก็ตาม ดอกเบี้ยจ่ายและค่าใช้จ่ายการเข้าซื้อกิจการ MAKRO จะถูกบันทึกเข้ามาอาจส่งผลให้คาดว่า 3 ไตรมาสจะมีกำไรสุทธิลดลง
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า CPALL ยังมีศักยภาพเติบโตอย่างมั่นคงจากธุรกิจร้านเซเว่นฯ และรายได้จาก MAKRO
นายกวี มานิตสุภวงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชียพลัส ให้เหตุผลที่แนะนำ"ซื้อ"หุ้น CPALL ว่า ปีนี้กำไรจะทรงตัวจากปีก่อนจากภาระดอกเบี้ยจ่ายและค่าที่ปรึกษา ปีนี้จะมาหักล้างกับกำไรที่ได้จาก MAKRO มากกว่ากำไรของ MAKRO ที่จะบันทึกเข้ามา แต่อย่างไรก็ตามปี 57 คาดว่าจะมีการเติบโตได้ดี
อย่างไรก็ตาม มองว่าภาวะการบริโภคที่ชะลอตัวลงนั้นไม่ได้เป็นผลกระทบต่อยอดขายของ CPALL เนื่องจากได้มีการทำโปรโมชั่นแสตมป์ที่จะช่วยกระตุ้นยอดขายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/56 แข็งแกร่ง มีรายได้เติบโต 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่กำไรสุทธิมีการขยายตัวเพียง 2% ซึ่งเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการของ MAKRO
แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าการบริโภคยังอยู่ในเกณฑ์ดี จากการทำโปรโมชั่นสะสมแสตมป์จะทำให้ช่วยกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 3-4/56 รวมถึงการเข้าซื้อกิจการของ MAKRO จะมีประโยชน์ที่เกิดการทำงานร่วมกัน และเพิ่มความเข็งแกร่งให้กับเครือข่าย CPALL จึงยังคงคำแนะนำ"ซื้อ"โดยราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside อยู่ถึง 33% เมือเทียบกับราคาเป้าหมายที่ 49.00 บาท