สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB15DA, LB176A และ LB155A (รุ่นอายุ 2.3 ปี, 3.8 ปี และ 1.8 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 5,474 ล้านบาท หรือคิดเป็น 68% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (PL14NA) มูลค่า 144.4 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC158B) มูลค่า 111.2 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK207A) มูลค่า 110.4 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 365.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 41.7% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 6,374 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,509 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -80 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.47% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.52% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%
Yield Curve ปรับลดลงเล็กน้อยเกือบทุกช่วงอายุตราสาร ประมาณ 1-2 bps. ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากเป็นวันหยุดทำการของนักลงทุนต่างประเทศหลายแห่ง ด้านนักลงทุนยังคงติดตามตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ของสหรัฐฯ ที่จะส่งผลต่อการชะลอมาตรการ QE สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 80 ล้านบาท