ด้าน บล.เกียรตินาคิน แนะ"ซื้อ"หุ้น MAJOR ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 26.60 บาท เนื่องจากผลประกอบการใน 2Q56 ดีกว่าคาด ทำสถิติกำไรปกติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และถือเป็นกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์หากไม่นับช่วง 2Q50 ที่บริษัทมีกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนฯ โดยมีกำไรอยู่ที่ 440 ล้านบาท เติบโต 92% YoY และ 46% QoQ เนื่องจากความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่อง "พี่มากพระโขนง" และภาพยนตร์ต่างประเทศอีกหลายเรื่องทำให้บริษัทมีรายได้จากการขายตั๋วหนังเติบโตกว่า 67% YoY และ 75% QoQ
ส่วน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)แนะ"ซื้อ"หุ้น MAJOR ประเมินราคาเป้าหมาย(SOTP) 25.50 บาท ทั้งนี้ ผลประกอบการ 2Q56 กำไรสุทธิเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ 46% QoQ และ 92% YoY เป็น 440 ล้านบาท หากไม่รวมกำไรจากการขายหุ้น SF กำไรปกติของ MAJOR เติบโต 98% YoY เป็น 388 ล้านบาท สูงเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากรายได้จากการขายตั๋วภาพยนตร์และยอดขายอาหาร/เครื่องดื่มสูงเป็นสถิติใหม่จากการที่ภาพยนตร์ทำรายได้สูงหลายเรื่อง อีกทั้งรายได้โฆษณาเติบโต 28% YoY ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 34.2% ใน 2Q55 เป็น 37% MAJOR ประกาศจ่ายเงินปันผล 1H56 เท่ากับ 0.50 บาท/หุ้น (XD 23 ส.ค.) คิดเป็นอัตราผลตอบแทนครึ่งปี 2.3%
แนวโน้มผลประกอบการ 3Q56 คาดกำไร 3Q56 ลดลง QoQ เนื่องจากภาพยนตร์ทำรายได้ลดลงเมื่อเทียบฐานรายได้ที่สูงเป็นประวัติการณ์ใน 2Q56 กำไรปกติ 1H56 คิดเป็นสัดส่วน 56% ของประมาณการกำไรทั้งปี เรายังคงประมาณการเดิมโดยคาดว่ารายได้ภาพยนตร์ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี รายได้โฆษณาเพิ่มขึ้น และ ผลการดำเนินงานของบริษัทย่อย คือ MPIC เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจโดยการลดขนาดธุรกิจจัดจำหน่ายวีซีดี/ดีวีดี และ การเข้าถือหุ้น M Channel และ T1 หลังจากการแลกหุ้นกับ MAJOR
ล่าสุด(9 ส.ค.)ราคาหุ้น MAJOR ปิดที่ 22 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท(+0.92%)