สำหรับธุรกิจในประเทศไทยล่าสุดบริษัทได้งานใหม่เพิ่มขึ้นจำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 280 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้มูลค่างานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 14,680 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจในต่างประเทศ บริษัทยังคงให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศพม่าที่นอกจากโครงการระบบบำบัดน้ำเสียในนิคมอุตสาหกรรมมัณฑะเลย์ ที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปและเซ็นสัญญาภายในปีนี้ สำหรับโครงการดังกล่าวมีการเซ็นสัญญาบันทึกความเข้าใน (MOU) ไปแล้ว และโครงการนี้จะอยู่ในรูปแบบการลงทุนและบริหารโครงการ (Build, Own and Operate: BOO หรือ Build, Operate and Transfer: BOT) งบลงทุนจำนวน 350 ล้านบาท ระยะเวลาสัญญา 30 ปี
ขณะเดียวกัน บริษัทเตรียมที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการอีกจำนวน 2 แห่ง มูลค่ารวมประมาณ 400 ล้านบาท ในประเทศพม่า นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมเซ็น MOU เพื่อก่อสร้างระบบผลิตไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อน 20 MWในประเทศลาว
“ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาบริษัทมุ่งมั่น ทุ่มเท และตั้งใจ ในการหางานต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้บริษัทมั่นใจว่าจะได้งานต่างประเทศเข้ามาอย่างน้อย 1 โครงการ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการตอกย้ำให้นักลงทุนและผู้ถือหุ้นได้เห็นว่าบริษัทมีความตั้งใจจริงและให้ความสำคัญกับแผนงานที่ได้ประกาศออกไปในก่อนหน้านี้ สำหรับสาเหตุของความล่าช้าในการประมูลโครงการในต่างประเทศนั้นมาจากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งกฎระเบียบและขั้นตอนของกฎหมายของประเทศที่บริษัทเข้ายื่นประมูล อย่างไรก็ตามบริษัทเชื่อมั่นว่าหากผ่านโครงการแรกได้โครงการต่อไปจะใช้เวลาน้อยกว่านี้อย่างแน่นอน" นายสลิบ กล่าว
อนึ่ง HYDRO แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2/56 บริษัทมีรายได้รวม 195.61 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 7.66 ล้านบาท แตกต่างจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 10.79 ล้านบาท สาเหตุจากบริษัทได้มีการทบทวนงบประมาณโครงการก่อสร้าง 10 โครงการซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการที่คาดจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 3/56 เพื่อให้มีต้นทุนใกล้เคียงความเป็นจริง โดยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากต้นทุนวัสดุก่อสร้างและค่าแรงงานที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมีผลให้กำไรขั้นต้นลดลง 14.88 ล้านบาท
นอกจากนั้น บริษัทได้รับงานก่อสร้างใหม่ 3 โครงการในไตรมาส 2/56 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 647.17 ล้านบาท ซึ่งเพิ่งเริ่มดำเนินงาน การรับรู้รายได้จึงไม่สูงนัก ต้นทุนงานให้บริการเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและบำรุงรักษาท่อของโครงการหนึ่ง จำนวนเงิน 1.80 ล้านบาท อีกทั้งค่าใช้จ่ายบริหารเพิ่มสูงขี้น เนื่องจากค่าที่ปรึกษาในการวางแผนร่วมกิจการกับบมจ.ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมีคัลส์(UAC) จำนวน 1.00 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย.) บริษัทมีรายได้รวม 349.07 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 1.99 ล้านบาท