ทั้ง 2 กองทุนข้างต้นจะเป็นโอกาสให้ผู้ลงทุนได้กระจายความเสี่ยงและสร้างโอกาสรับผลตอบแทนเพิ่มเติมจากตราสารหนี้ในประเทศตุรกี ซึ่ง บลจ. กสิกรไทย คัดเลือกมาช่วยสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจท่ามกลางภาวะดอกเบี้ยทรงตัวทั่วโลก
บลจ.กสิกรไทย มองว่า เศรษฐกิจตุรกีในภาพรวมยังคงมีเสถียรภาพ โดยในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงสุดประเทศหนึ่งของโลก ทั้งนี้การลงทุนในตราสารหนี้ประเทศตุรกี ยังคงเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจ ซึ่งประกอบด้วย ตราสารหนี้ของ Garanti Bank ซึ่งเป็นธนาคารเอกชนขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศตุรกี และตราสารหนี้ของ Akbank ซึ่งเป็นธนาคารที่มีอันดับผลกำไรมากที่สุดในตุรกีอันดับ 1 และ 2 ตลอดในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ผู้ลงทุนจึงเชื่อมั่นในคุณภาพของตราสาร
สำหรับกองทุน KFI3MCY อายุโครงการประมาณ 3 เดือน ตราสารที่คาดว่าจะลงทุนในเบื้องต้น ประกอบด้วย ตราสารหนี้ VakifBank, ประเทศตุรกี (BBB-/Fitch) และเงินฝาก Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี (BBB/Fitch) ร่วมด้วยเงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า (A/Fitch) ตราสารหนี้ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน), ประเทศไทย (A+(tha)/Fitch) และตราสารหนี้ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน), ประเทศไทย (AA-(tha)/Fitch)
ด้านกองทุน KFI6MBU มีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน จะมุ่งลงทุนในตราสารหนี้ VakifBank, ประเทศตุรกี และเงินฝาก Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี ด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งยังลงทุนในตราสารหนี้ Garanti Bank, ประเทศตุรกี (BBB-/Fitch) ร่วมด้วยเงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า (A/Fitch) ตราสารหนี้ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน), ประเทศไทย (A-/TRIS) และ BTG Investments LP ที่รับประกันโดย BTG Pactual Holding S.A., ประเทศบราซิล ซึ่งได้รับการจัดอันดับจาก Fitch ที่ BBB- โดยทั้ง 2 กองทุนข้างต้นมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
อย่างไรก็ตาม เพื่อตอบรับความต้องการสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำมากและต้องการลงทุนระยะสั้นกับตราสารหนี้ในประเทศเป็นหลัก บลจ.กสิกรไทยจะเปิดขายกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน ซีที (KPPTF3MCT) โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และบางส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝากประจำ 3 เดือนของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะให้โอกาสรับผลตอบแทนปลอดภาษีสำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาที่ 2.40% ต่อปี