แต่เชื่อว่าในครึ่งปีหลังสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้น หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบกับราคาผลิตภัณฑ์ทยอยปรับขึ้น และในไตรมาส 3/56 กลับมามีกำไรจากสต๊อกสินค้า (Stock gain) เนื่องจากผลิตภัณฑ์บางตัวได้มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ MEG , PTA ขณะที่ PET มีราคาคงที่
"การปรับลดรายได้ของเราแม้ครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดีขึ้น แต่สถานการณ์ที่ดีขึ้นในครึ่งปีหลังก็ไม่สามารถเป็นไปตามที่เราประมาณการไว้ตั้งแต่ต้นปี ว่ารายได้จะเติบโต 19% โดยเฉพาะผลกระทบจากราคาน้ำม้นลดลงในครึ่งปีแรก"ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IVL กล่าว
นายอากาวาล กล่าวว่า กำลังการผลิตในส่วนของ MEG ปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้นเป็น 7.1 ล้านตัน/ปี จากเดิมที่ 6.7 ล้านตัน/ปี เนื่องจากผลิตภัณฑ์ MEG เริ่มได้รับคาวมนิยมอย่างมากและเป็นสินค้าที่ให้อัตรากำไรที่ดี
ส่วนโรงงานผลิต PTA ในประเทศอินโดนีเซียจะเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ 100% ในไตรมาส 3/56 โดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 500,000 ตัน/ปี ซึ่งทำช่วยส่งเสริมกำลังการผลิตในปีนี้ได้อีกส่วนหนึ่ง ทำให้มีรายได้เข้ามามากขึ้น แต่จะรับรู้รายได้เต็มปีตั้งแต่ต้นปีหน้า
ประกอบกับ โรงงานผลิต PET ที่ประเทศโปแลนด์ในปี 57 มีการขยายกำลังการผลิตเพื่อปัญหาลดคอขวด และเพิ่มความสามารถในการผลิต โดยได้เพิ่มกำลังการผลิตเป็น 220,000 ตัน/ปี จากเดิมที่ 140,000 ตัน/ปี
ส่วนแผนการซื้อกิจการนั้น บริษัทได้ชะลอแผนการซื้อกิจการที่เกี่ยวกับสินค้าประเภทของใช้ (Commodity) แต่บริษัทได้มีการมองหาโอกาในการหาซื้อกิจการประเภทสินค้าที่สร้างมูลค่าเพิ่มที่สูง (Hight Value Added:HVA) โดยบริษัทได้ตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ในกลุ่มสินค้าที่เพิ่มมูลค่าสูงเป็น 20-22% ของรายได้รวมภายในปี 59 จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ในสินค้ากลุ่มนี้อยู่ที่ 16%
“เราชะลอแผนการซื้อกิจการที่เป็นสินค้า Commodity แต่ก็มองหาโอกาสในการซื้อกิจการสินค้าที่ High Value Added เพราะเป็นสินค้าที่ให้มาร์จิ้นที่ดี โดยจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ในสินค้ากลุ่มนี้เป็น 20-22% ในปี 59 ตอนนี้เราก็มีเงินพอที่จะซื้ออะไรที่เราต้องการ เงินสดในมือสิ้นไตรมาส 2/56 เรามีอยู่ที่ 4.4 พันล้านบาท หุ้นกู้ที่เราออกมูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาทก็มา Back up ไว้ และวงเงิน Credit Line ของแบงก์เราก็มีอยู่ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท"นายอากาวาล กล่าว