สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB155A, LB176A และ LB21DA (รุ่นอายุ 1.8 ปี, 3.8 ปี และ 8.3 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 6,864 ล้านบาท หรือคิดเป็น 76% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN171A) มูลค่า 303.6 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) (TK167A) มูลค่า 140.4 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (TISCO144A) มูลค่า 101.3 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 545.2 ล้านบาท หรือคิดเป็น 69.5% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 30,772 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 6,440 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -1,518 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.47% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.54% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.02%
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในทุกช่วงอายุตราสาร ประมาณ 1-2 bps. ในทิศทางเดียวกับ US Treasury ปริมาณการซื้อขายส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในพันธบัตร ธปท.ระยะสั้นที่มีการประมูลวันนี้ และบางส่วนมาจากการปรับพอร์ตเพื่อเตรียมประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่น Benchmark อายุ 7 ปี ที่จะประมูลวันพรุ่งนี้ สำหรับนักลงทุนต่างชาติมีการขายในพันธบัตรระยะยาว ยอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 1,518 ล้านบาท