บล.เกียรตินาคิน ระบุว่า บมจ.บ้านปู (BANPU) รายงานกำไรสุทธิ 2Q56 อยู่ที่ 629 ล้านบาท ต่ำกว่าที่เราและ Consensus คาดการณ์ไว้ค่อนข้างมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาการลดต้นทุนผลิตถ่านหิน เหมืองในอินโดนีเซียที่ช้ากว่าคาด กำไรสุทธิลดลง 70% YoY และ 32% QoQ เกิดจากราคาขายถ่านหินยังคงปรับตัวลดลงมากกว่าตามทิศทางราคาในตลาดโลกและการรับรู้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 431 ล้านบาท อย่างไรก็ตามกำไรปกติมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากยอดขายถ่านหินในออสเตรเลียเพิ่ม 28% QoQ และต้นทุนการผลิตลดลง 14% QoQ เนื่องจากไม่มีการย้ายอุปกรณ์ขุดถ่านหิน (Longwall) เหมือน 1Q56 ที่ผ่านมา ทำให้กำไรปกติของ BANPU ปรับเพิ่ม 118% QoQ
และคาดว่าแนวโน้มกำไรสุทธิ 3Q56 ฟื้นตัว QoQ แม้จะยังมีความเสี่ยงจากราคาขายถ่านหินที่ลดลง แต่ยังมีปัจจัยบวกจาก (1) ยอดขายถ่านหิน (อินโดฯ) ที่เพิ่มขึ้น และ (2) ความเสี่ยงต่อการรับรู้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลง ขณะที่แผนการลดต้นทุนการผลิต ด้วยการปรับลดอัตราการเปิดหน้าดินที่ขุดต่อถ่านหิน 1 ตัน (Stripping Ratio) ยังคงมีอยู่ โดยแผนการปรับลดดังกล่าว เราคาดหมายจะเห็นการปรับลดต้นทุนการผลิตต่อตันใน 2H56 ที่ลดลงจาก 50 เหรียญต่อตัน ใน 1H56 ของเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซีย
"เราเชื่อว่าธุรกิจเดิมทางมาถึงจุดต่ำสุด แต่การฟื้นตัวยังถูกจำกัดจาก (1) ปริมาณสำรองถ่านหินสูงในจีน และ (2) อุปทานถ่านหินที่เพิ่มขึ้นในจีนจากการพัฒนาระบบขนส่ง แม้ว่าการปรับสมดุลของธุรกิจถ่านหินในช่วงที่ผ่านมา จะทำให้ความเสี่ยงไปหมดจนทำให้ราคาถ่านหินลดลง แต่การฟื้นตัวในระยะยาวยังถูกจำกัดจากปัจจัยเสี่ยงข้างต้น เรายังคงติดตามราคาถ่านหินอย่างใกล้ชิด หากยังทรงตัวในระดับต่ำต่อเนื่องถึงปลายปี จะเป็นปัจจัยที่เพิ่มโอกาสในการปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2557"บทวิเคราะห์ระบุ
การปรับมุมมองที่ดีขึ้นของ Moody’s จาก Negative เป็น Stable มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร" แม้ในมุมมองของเราโอกาสที่ราคาถ่านหินจะฟื้นตัวใน 2H56 มีไม่มาก แต่เป็นการยืนยันภาพรวมของธุรกิจมาถึงจุดต่ำสุดแล้ว ปัจจัยเสี่ยงต่อราคาหุ้น BANPU ในระยะสั้นจึงมีเพียงปัจจัยเดียว จากแรงขายทำกำไรเนื่องจากการปรับเพิ่มของราคาหุ้นเมื่อวานนี้กว่า 12% มาปิดที่ 261 บาท จากการตอบรับประเด็นข่าวดังกล่าว