ในส่วนของงานก่อสร้าง บริษัท ไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำกัด จะว่าจ้าง CK เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญและประสบความสำเร็จในการก่อสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ในประเทศลาวมาแล้วเช่นเขื่อนน้ำงึม 2 และฝายน้ำล้นไซยะบุรี โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปลายปี 2557
ทั้งนี้ โครงการนี้ มีมูลค่าโครงการประมาณ 20,000 ล้านบาท เป็นงานก่อสร้างประมาณ 17,000 ล้านบาท
ด้านนางสาวสุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ CKP เปิดเผยว่า โครงการเขื่อนน้ำบาก มีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้า 160 เมกะวัตต์ สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้มากถึง 744 ล้านหน่วยต่อปีหรือประมาณ 50% ของเขื่อนภูมิพล ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4 ปีครึ่ง โครงการนี้ผลิตไฟฟ้าด้วยพลังน้ำซึ่งเป็นพลังงานสะอาด หมุนเวียน เป็นประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และจะเสริมศักยภาพและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้ CKP ในอนาคตโดยจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าในพอร์ทของ CKP อีก 160 เมกะวัตต์
และเมื่อรวมกับโครงการบางปะอินโคเจนเนอ์เรชั่นเฟส 2 อีก 120 เมกะวัตต์ในปี 2560 และโครงการไซยะบุรีอีก 1,285 เมกะวัตต์จะทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมในพอร์ทของ CKP เติบโตจาก 754.5 เมกะวัตต์ ในปี 2556 เป็น 2,319.5 เมกะวัตต์ ในปี 2562
ในส่วนของโครงการที่เริ่มผลิตไฟฟ้าแล้ว ได้แก่ โครงการเขื่อนน้ำงึม 2 ซึ่งเริ่มผลิตไฟฟ้ามาตั้งแต่ปี 2554 ขณะนี้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมากเนื่องจากอยู่ในฤดูมรสุมทำให้ต้องผลิตไฟฟ้าเต็มกำลังผลิตและโครงการโรงไฟฟ้าบางปะอินโคเจนเนอ์เรชั่นเฟส 1 กำลังการผลิต 117.5 เมกะวัตต์ ของ CKP ซึ่งเริ่มผลิตไฟฟ้าเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทั้ง 2 โครงการนี้จะหนุนรายได้ของ CKP ในปี 2556 ให้สูงขึ้นเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ เพื่อรองรับการเปิด AEC ในปี 2558 และการขยายธุรกิจของ CKP ให้เติบโตอย่างมั่งคงและยั่งยืน CKP กำลังศึกษาที่จะพัฒนาเขื่อนต่างๆในประเทศลาวเพิ่มเติมอีก รวมทั้งโรงไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆ ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ซึ่ง CKP มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และความพร้อมที่จะลงทุนดำเนินการได้ทันที