สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 3/56 มีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจอีเว้นต์ในประเทศยังตื่นตัว จะเห็นว่ามีบริษัทเอกชนเทงบการตลาดเพื่อใช้ในแคมเปญต่างๆ หลายหลายรูปแบบ ซึ่งบริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าให้จัดงานให้ต่อเนื่องทั้งปี อาทิ การจัดกิจกรรม Road Show ทั่วประเทศ ของค่ายรถยนต์ , การจัดกิจกรรม Test Drive เป็นต้น
ส่วนแผนงานต่างประเทศ ปีนี้เป็นปีที่ภาพลักษณ์ของซีเอ็มโอชัดเจนขึ้นว่าจะยกระดับบริษัทจากผู้ดำเนินธุรกิจเฉพาะในประเทศไทยสู่ธุรกิจระดับอาเซียนมากขึ้น โดยจะขยายธุรกิจไปยังรอบๆ ประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา,ลาว,พม่า และเวียดนาม) ซึ่งเริ่มมีงานอีเวนต์เข้ามามากขึ้น อาทิ จัดงานเปิดตัวเที่ยวบินกรุงเทพฯ-มัณฑะเลย์ ของสายการบินไทยสไมล์ ของบมจ. การบินไทย (THAI), งานเปิดตัว โคคาโคลา ที่ลาว และล่าสุดได้งานแคมเปญ 27th SEA Games Myanmar Lucky Cards Campaign ที่พม่า เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าจะมีรายได้จากต่างประเทศประมาณ 5-6% ของรายได้รวม
ขณะที่ ผลประกอบการไตรมาส 2/56 บริษัทฯ มีรายได้ 276.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89.93 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2555 ที่มีรายได้ 186.59 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 3.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.13 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1.84 ล้านบาท คิดเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้น 116%
ส่วนผลประกอบการในช่วง 6 เดือนแรกของปี 56 บริษัทฯทำรายได้รวมทั้งสิ้น 500.95 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิ 8.11 ล้านบาท
รายได้ที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 2 มาจากงานทั้งในประเทศ และต่างประเทศ อาทิเช่น งานเปิดตัว 4G ของค่าย Truemove H , จัดบูธของ ธนาคารกรุงเทพ ในงาน Money Expo,จัดกิจกรรม Road Show ของค่ายรถยนต์ Ford,กิจกรรม Road Show ของ SCG ,งานออกแบบและจัดสร้างพิพิธภัณฑ์สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ,นิทรรศการถาวรพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จ.อุบลราชธานี ภายใต้กองทัพภาคที่ 2 ตลอดจน งานสงกรานต์ "เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์" Songkran gkran Splendours ณ ประเทศอินโดนีเซีย และงาน PTT Showcase ณ ประเทศพม่า เป็นต้น โดยปีนี้ ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 1,200 ล้านบาท ซึ่งสัดส่วนลูกค้าเป็นบริษัทเอกชน 80% ส่วนภาครัฐ 20%
“รายได้ในไตรมาส 2 ถือว่าเติบโตได้ดี เป็นอัตราที่น่าพอใจ ซึ่งปกติ ในช่วงไตรมาส 2 ของทุกปี จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ของธุรกิจอีเว้นต์ แต่จะเห็นว่าในปีนี้ บริษัทฯ ทำผลงานได้ดี มาจากการที่บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์ โดยให้นโยบายไว้ตั้งแต่ต้นปี ว่าปีนี้บริษัทจะเน้นการทำธุรกิจอีเว้นต์ ควบคู่กับการขยายธุรกิจน็อนอีเว้นต์ (Non-Event) เพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดรายได้คงที่ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดหน่วยธุรกิจ IMC หรือการสื่อสารการตลาดแบบครบวงจร และธุรกิจ The Glitz ซึ่งให้บริการด้าน Private Lifestyle ในระดับไฮเอนด์ ตลอดจนการขยายธุรกิจการบริการและออกแบบพิพิธภัณฑ์แบบครบวงจร ทำให้รายได้ในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะงานพิพิธภัณฑ์ ที่มีการรับรู้รายได้ถึง 30 ล้านบาท"นายเสริมคุณ กล่าว