ในส่วนของธุรกิจในประเทศไทยนั้น แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่ GL กลับไม่ได้รับผลกระทบและยังคงเติบโตอย่างสวนกระแส เพราะนอกจากจะมีการขยายการทำตลาดในเชิงรุกแล้ว บริษัทฯ ยังขยายตัวแทนจำหน่ายหรือดีลเลอร์เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ยอดขายเฉลี่ยในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้อยู่ที่ 8,000 หน่วยต่อเดือน เพิ่มขึ้น 35% จากระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายเฉลี่ยเพิ่มเป็น 10,000 หน่วยต่อเดือนในไตรมาสที่ 3 และเพิ่มเป็น 12,000 หน่วยต่อเดือนในช่วงปลายปีนี้
“ธุรกิจลีสซิ่งรถมอเตอร์ไซค์ในเมืองไทยจัดว่าเป็นธุรกิจที่มีความพิเศษ เฉพาะตัว เพราะไม่หวั่นไหวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ส่วนหนึ่งเพราะอัตราผ่อนชำระต่องวดไม่สูงมาก ขณะที่รถมอเตอร์ไซค์กลายเป็นสิ่งจำเป็นต่อผู้คนมากขึ้น ซึ่งหลายครั้งที่ผ่านมา เราพบว่า ผลประกอบการของ GL มักจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นหลังจากผ่านวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งทั้งปัจจัยในประเทศและการเติบโตของธุรกิจในต่างประเทศ ทำให้เรามั่นใจว่า นาทีนี้คือโอกาสของเราจริงๆ" นายมิทซึจิกล่าว
สำหรับผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกของปี 56 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 181.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 25.60% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมีกำไรสุทธิ 144.5 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2/2556 (เมษายนถึงมิถุนายน)บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 90.84 ล้านบาท เติบโตขึ้น 2.41% เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 88.7 ล้านบาท
“ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลประกอบการในงวด 6 เดือนแรกของปีนี้เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มาจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศ พร้อมๆ กับการรับรู้รายได้อย่างมีนัยสำคัญจากการทำธุรกิจของ GL ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในกัมพูชา ซึ่งมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง"
อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2/56 เติบโตจากปีก่อนเพียง 2.41% และเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับไตรมาสที่ 1/56 ที่มีกำไรสุทธิ 91.30 ล้านบาท ทั้งๆ ที่รายได้เติบโตอย่างน่าพอใจนั้นเป็นผลมาจากการที่เราตัดสินใจรับรู้ค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งธุรกิจในกัมพูชาทั้งจำนวน เป็นการตัดค่าใช้จ่ายเพียงครั้งเดียว ซึ่งจะส่งผลให้ช่วงครึ่งหลังของปีนี้ไม่จำเป็นต้องกังวลกับภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าว และจะเป็นปัจจัยผลักดันให้กำไรสุทธิในครึ่งปีหลังของ GL สามารถทำลายสถิติสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ กำไรสุทธิในไตรมาส 2/56 เป็นตัวเลขที่รวมกำไรจากธุรกิจในต่างประเทศไว้แล้วจำนวน 16.2 ล้านบาท ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บริษัทฯ เริ่มรับรู้กำไรจากธุรกิจในต่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญ และเชื่อมั่นว่า หลังจากนี้ กำไรจากธุรกิจในต่างประเทศจะเข้ามาอย่างสม่ำเสมอและมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยปัจจุบัน GL ลงทุนในประเทศกัมพูชาผ่านบริษัทลูก คือ GL Finance หรือ GLF ที่ได้รับใบอนุญาตทำธุรกิจลีสซิ่งจากธนาคารแห่งชาติกัมพูชา และเป็นเพียงบริษัทเดียวที่ได้รับสิทธิปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ จากตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศกัมพูชา โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 95% ของตลาดรถจักรยานยนต์ทั้งหมด โดยปัจจุบัน GLF ได้เปิดสำนักงานขายในกัมพูชาเพิ่มอีก 3 แห่ง อยู่ในพระตะบอง 2 แห่ง และรัตนคีรีอีก 1 แห่ง ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะเปิดสำนักงานขายครอบคลุมทั่วประเทศอีก 26 แห่งภายในปีนี้