สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB21DA, LB176A และ LB155A (รุ่นอายุ 8.3 ปี, 3.8 ปี และ 1.8 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 11,480 ล้านบาท หรือคิดเป็น 66% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP142A) มูลค่า 121.9 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF218B) มูลค่า 90.2 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของบริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (QH144A) มูลค่า 20.1 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 232.2 ล้านบาท หรือคิดเป็น 64.1% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 5,278 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,755 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -1,027 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.47% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.55% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01%
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในทุกช่วงอายุตราสาร ประมาณ 1-3 bps. โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่น Benchmark อายุ 7 ปี ที่ประมูลวันนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุน 1.47 เท่าของวงเงินประมูล ด้านนักลงทุนรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะตัวเลข Jobless Claims ที่จะประกาศในวันที่ 15 ส.ค.56 สำหรับนักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 1,027 ล้านบาท