นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ AGE เปิดเผยว่า บริษัทฯคงเป้ารายได้ทั้งปีอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท และมั่นใจสามารถพลิกกลับมาเป็นกำไรได้จากปีก่อนขาดทุนอยู่ที่ 23 ล้านบาท โดยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมามีกำไรแล้วราว 80 ล้านบาท เนื่องจากล่าสุดบริษัทฯได้ส่งมอบออเดอร์ล็อตแรกไปยังอินเดียในไตรมาส 2/56 และจะส่งมอบออเดอร์ต่อไปในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับ มองว่าช่วงปลายปีนี้จะได้รับออเดอร์เพิ่มจากจีน รวมถึงโครงการลดต้นทุนของบริษัทที่ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
ส่วนการเจรจาออร์เดอร์ใหม่กับลูกค้าในช่วงนี้ยังมีความเป็นไปได้ แต่ราคาอาจจะไม่ค่อยดีนัก คงต้องรอดีมานด์เพิ่มขึ้นก่อน โดยในช่วงที่ผ่านมาราคาถ่านหินปรับตัวลดลง และการแข่งขันของตลาดในประเทศและต่างประเทศสูงขึ้น รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังส่งผลกระทบต่อราคาถ่านหิน
สำหรับด้านการลงทุนบริษัทฯ ยังคงมีการดำเนินตามแผนการลงทุน 5 ปี (54-58) และตั้งเป้ารายได้ในช่วง 5 ปีนี้ไว้ 10,000 ล้านบาท โดยได้มีการดำเนินการไปแล้วในเรื่องของการขยายตลาดการส่งออกไปยังต่างประเทศ รวมถึงโครงการลดต้นทุน
นายพนม กล่าวอีกว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้า คาดว่าจะสรุปผลได้ภายในปีนี้ โดยเบื้องต้นจะเป็นโรงไฟฟ้าในประเทศ ประกอบกับจะมีการซื้อเหมืองถ่านหินในต่างประเทศด้วย โดยมองไปที่อินโดนีเซียและแถบอาเซียนเป็นหลัก
"ต้องดูว่าเหมืองถ่านหินนั้นได้กำไรและรายได้เข้ามาดีหรือไม่ หากมีผลประกอบการที่ดีก็พร้อมที่ซื้อเข้ามาเลย อีกทั้งบริษัทฯยังสนใจเข้าไปลงทุนในกลุ่มพลังงานทดแทนอื่นๆอีกด้วย" นายพนม กล่าว
ขณะที่ภาพรวมทิศทางของธุรกิจค้าถ่านหินนั้น คาดว่าน่าจะทรงตัวเหมือนกับทิศทางของบริษัทใหญ่ที่มีผลประกอบการออกมาทรงตัว โดยราคาถ่านหินวันนี้น่าจะต่ำสุดแล้ว หากต่ำลงไปกว่านี้เหมืองต่างๆอาจจะขาดทุนหรือปิดตัวลงไปอีกได้ อย่างไรก็ตาม คงต้องรอดูในช่วงปลายปีนี้ ราคาอาจจะปรับตัวขึ้นจากความต้องการใช้ไฟฟ้าในฤดูหนาวที่เพิ่มขึ้น และจีนอาจจะเพิ่มการนำเข้า