"ตั้งแต่เราเข้าตลาดก็เป็นที่รู้จักมากขึ้นทำให้มีโอกาสในการขยายธุรกิจ โดยตอนนี้คุยดีล M&A อยู่ 3-4 ราย ปีนี้คาดว่าจะเห็นอย่างน้อย 1 ราย มูลค่าราว 500 ล้านบาทขึ้นไป โดยถ้าเป็นบริษัทที่น่าสนใจและมีโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ ถ้าพันล้านบาทเราก็จะซื้อ" นางสาวปรารถนา กล่าว
สำหรับการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ในช่วงสิ้นเดือน ส.ค.นี้จะเดินทางไปเจรจากับพันธมิตรในมาเลเซียและอินโดนีเซีย เพื่อแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่าย คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากเป็นช่วงแรกในการเปิดตลาด คาดว่าใช้เวลาประมาณ 3-5 ปีสัดส่วนจากต่างประเทศอยู่ในระดับไม่เกิน 5% ของยอดขายรวม ขณะที่ในปี 57 คาดว่ายอดขายจากต่างประเทศทั้งหมดจะอยู่ที่ราว 50 ล้านบาท
นางปรารถนา กล่าวอีกว่า แนวโน้มรายได้ในครึ่งปีหลังคาดว่าจะมากกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้อยู่ที่ 1.32 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 344 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังได้มีการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น อีกทั้งในช่วงไตรมาส 4/56 ของทุกปีจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ซึ่งคาดว่ายอดขายจะเติบโต 30%
และมั่นใจว่ารายได้ทั้งปีนี้จะเติบโต 20% จากปี 55 ที่มีรายได้รวม 2.56 พันล้านบาท และรักษาอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ที่ 26-27%
"ความกังวลในกำลังซื้อในประเทศ คิดว่าไม่มีผลกระทบต่อบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากสินค้าของเรามีราคาไม่สูงมากนัก และได้มีการปรับกลยุทธ์ในการขายให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในแต่ละช่วงได้เป็นอย่างดี รายได้ก็ยังเติบโตได้ตามเป้า"นางสาวปรารถนา กล่าว
ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 56 บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถขยายช่องทางการจัดจำหน่ายได้มากกว่าที่ตั้งเป้าไว้ในตอนแรก ซึ่งบริษัทได้ปรับเป้าหมายว่าจะมีจุดขายทั้งสิ้น 601 แห่ง ภายในสิ้นปี 56 จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 584 แห่ง
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 56 บริษัทมีช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งสิ้น 554 แห่ง (ร้านค้าปลีกของตนเองจำนวน 140 แห่ง ห้างค้าปลีกจำนวน 407 แห่ง และ ต่างประเทศโดยการผ่านตัวแทนจำหน่าย รวม 7 แห่ง) เพิ่มขึ้นจาก 511 แห่ง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 (ร้านค้าปลีกของตนเองจำนวน 117 แห่ง และ ห้างค้าปลีกจำนวน 394 แห่ง) ซึ่งเป็นไปตามแผนการที่กำหนดไว้
นางปรารถนา กล่าวว่า ผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีกำไรสุทธิ 344 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 จากกำไรสุทธิ 288 ล้านบาท ในครึ่งแรกของปี 55 โดยในไตรมาส 2/56 บริษัทมีกำไรสุทธิ 163 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ บริษัทได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จำนวน 0.125 บาทต่อหุ้น
กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นของบริษัท เป็นผลมาจากการที่บริษัทมีการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้จากการขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 และ ร้อยละ 10 จากครึ่งปีแรกของปี 55 และ ไตรมาส 2/55 ตามลำดับ รวมถึงอัตราส่วนกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากการควบคุมต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจากข้อได้เปรียบด้านการบริหารกำไรจากการดำเนินงาน จากการเปิดร้านค้าปลีกของตนเองในสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ในครึ่งปีแรกของปี 56 บริษัทได้นำเสนอแบรนด์ใหม่อีก 3 แบรนด์ ได้แก่ Mc Pink สินค้าแฟชั่นสำหรับสุภาพสตรี, Mc Mini เสื้อผ้าสำหรับเด็ก และ Blue Brothers กางเกงยีนส์และเสื้อผ้าระดับพรีเมียม เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้า และ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากแบรนด์สินค้าใหม่ บริษัทได้เปิดช่องทางจัดจำหน่ายใหม่ โดยการเปิดเว็บไซต์ช็อปปิ้งออนไลน์ www.WoWme.co.th เพื่อนำเสนอสินค้าไลฟ์สไตล์ในราคาพิเศษ โดยสินค้าที่นำเสนอจะมีทั้งแบรนด์สินค้าภายใต้กลุ่มบริษัท และที่บริษัทไม่ได้เป็นเจ้าของ โดยแบรนด์ใหม่ และช่องทางการจัดจำหน่ายทาง Internet เหล่านี้ จะเป็นหนึ่งในปัจจัยของการเติบโตของบริษัทในอนาคต