GRAMMY คาดรายได้ H2/56 โตต่อเนื่อง จากธุรกิจเดิม-ขยายธุรกิจใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 15, 2013 17:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.บุษบา ดาวเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ. จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) กล่าวว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2556 ธุรกิจเดิมที่ดำเนินการอยู่แล้วยังคงมีรายได้เติบโตต่อเนื่อง จากธุรกิจโชว์บิซที่มีการจัดคอนเสิร์ตใหญ่หลายรายการ อาทิ คอนเสิร์ต GRAMMY HAPPY FACE TIVAL ตอน PARTY REUNION คอนเสิร์ต ขนนก กับ ดอกไม้ ตอน SECRET GARDEN คอนเสิร์ต บรรลุนิติภาวะ 21 ปี ป้าง นครินทร์ กิ่งศักดิ์, คอนเสิร์ต DJs on Stage vs The Star, คอนเสิร์ต 6.2.13 Dance Fever รวมถึงละครเวที ลัดดาแลนด์

ขณะที่ธุรกิจสื่อที่ได้รับอานิสงส์จากเม็ดเงินโฆษณาที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมและธุรกิจดิจิทัล เนื่องจากขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาบริการใหม่ เพื่อขยายช่องทางการให้บริการในรูปแบบ Music Streaming ซึ่งจะทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ประมาณช่วงปลายปีนี้

ด้านธุรกิจที่เริ่มดำเนินการใหม่จะยังคงมุ่งขยายแพลตฟอร์มกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพร้อมกับการขยายฐานผู้ชมแซท เพย์ ทีวีโดยมุ่งเน้นการทำตลาดจำหน่ายกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมจีเอ็มเอ็ม แซทร่วมไปกับแพ็คเกจเพย์ ทีวี เพื่อให้ลูกค้าเกิดประสบการณ์ตรงด้วยการทดลองรับชมรายการชั้นนำระดับโลกจากฟ็อกซ์ฟรีจำนวน 17 ช่อง จากทั้ง 27 ช่อง ที่จีเอ็มเอ็ม แซทให้ผู้ชมได้ชมฟรีเต็มอิ่มถึงสิ้นเดือนกันยายน

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้สร้างช่อง “ONE" ขึ้น เพื่อรวบรวมรายการคุณภาพใหม่แกะกล่อง มาออกอากาศทางช่องโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ล่าสุดได้ส่งซีรี่ส์ “ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น" ออกฉายจนเกิดกระแสความนิยมล้นหลาม และขึ้นกวาดเรทติ้งจากสังคมออนไลน์ไปแล้วด้วยยอดชม 11 ตอนกว่า 70 ล้านยอด ส่งผลให้เวลาของโฆษณาของช่อง “ONE" เรื่อง “The Side Stories"โดย GTH ที่จ่อรอฉายเป็นเรื่องต่อไปถูกจองเต็มอัตราไปเรียบร้อยแล้ว

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/56 รายได้จากธุรกิจเดิมที่ดำเนินการอยู่แล้ว ประกอบด้วย ธุรกิจเพลง ธุรกิจดิจิทัล ธุรกิจสื่อ ธุรกิจภาพยนตร์ ธุรกิจบริการรับจัดและบริหารกิจกรรม ธุรกิจแอนิเมชั่น และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง มีจำนวนเท่ากับ 2,166 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากธุรกิจสื่อโดยเฉพาะสื่อทีวียังคงเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง และธุรกิจภาพยนตร์ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงจากภาพยนตร์ “พี่มาก... พระโขนง" ที่สามารถทำรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศสูงสุดเป็นประวัติการณ์จำนวน 568 ล้านบาท ถือเป็นการสร้างสถิติครั้งใหม่ของวงการภาพยนตร์ไทย ขณะที่รายได้จากธุรกิจที่เริ่มดำเนินการใหม่ อันได้แก่ ธุรกิจโฮมช็อปปิ้ง และโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม มีจำนวนเท่ากับ 544 ล้านบาท

ทั้งนี้ กำไรจากธุรกิจเดิมที่ดำเนินการอยู่แล้วเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 50 แต่ธุรกิจที่เริ่มดำเนินการใหม่ยังอยู่ในช่วงของการเริ่มลงทุน ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิเท่ากับ 216 ล้านบาท

"ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ธุรกิจเดิมทำกำไรดีเติบโตถึงร้อยละ 50 มาจากธุรกิจสื่อทีวีและธุรกิจภาพยนตร์ที่มี “พี่มาก... พระโขนง" ทำรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศสูงถึง 568 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์วงการหนังไทย ขณะที่รายได้ทั้งประเทศทะลุ 1,000 ล้านบาท ครึ่งปีหลังยังโตต่อเนื่องหลายคอนเสิร์ตใหญ่ดันธุรกิจโชว์บิซพุ่ง เล็งเปิดให้บริการ music streaming สร้างเม็ดเงินให้ธุรกิจดิจิทัลภายในปลายปีนี้" น.ส.บุษบา กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ