นายวิน วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม และกรรมการผู้จัดการใหญ่ SSI เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการโดยรวมทั้งปีบริษัทฯตั้งเป้ารายได้รวมอยู่ที่ 70,000 ล้านบาท และมั่นใจจะถึงจุดคุ้มทุนได้ในไตรมาส 4 นี้ และจะพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ในไตรมาส 1/57 หลังจากขาดทุนต่อเนื่อง โดยไตรมาส 2 ขาดทุนแล้ว 465 ล้านบาท ซึ่งขะกลับมาเป็นกำไรได้เนื่องจากโครงการ PCI สามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตได้
ทั้งนี้ บริษัทฯคาดว่าปริมาณการขายแผ่นเหล็กรีดร้อนในประเทศทั้งปีจะอยู่ที่ 2.7 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 8.3% จากปี 55 อยู่ที่ 2.5 ล้านตัน และจากตลาดรวมทั้งหมดในประเทศอยู่ที่ 7.7 ล้านตัน โดยปัจจุบันมีสัดส่วนการตลาดอยู่ที่ 30%
นอกจากนี้ ปริมาณการขายแผ่นเหล็กรีดร้อน(HRC)ของบริษัทในไตรมาส 3/56 จะกลับสู่ภาวะปกติ โดยราคาขาย HRC และราคา Slab มีแนวโน้มลดลงเล็กน้อยในช่วงต้นไตรมาส หลังจากนั้นจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในปลายไตรมาส ส่งผลให้ HRC Roling Margin จะอยู่ที่ 14-16% และคาดว่าปริมาณการขาย Slab จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยเป็นการขายให้บุคคลภายนอกประมาณ 50% ของยอดขายรวม ราคาขายเฉลี่ยปรับตัวลดลงประมาณ 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ในขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวลดลงจากผลของโครงการ PCI โดย Slab Margin คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 19-21%
"ทั้งปีมองว่าคงจะมีแค่ไตรมาส 2 ที่มีแนวโน้มลดลง ซึ่งขณะนี้ราคาเหล็กเริ่มกลับมาดีขึ้น ยอดขายไตรมาส 3-4 น่าจะกลับมาทำยอดขายได้เหมือนเดิม ตัว PCI เริ่มเดินเครื่องได้ตามแผนซึ่งจะส่งผลให้มีต้นทุนต่ำลง โดยขณะนี้มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 9,000 ตัน/วัน และอยากเห็นกำลังการผลิตอยู่ที่ 10,000 ตัน/วันในต้นปีหน้า
ส่วน SSI UK มีแนวโน้มขาดทุนลดลง เนื่องจากมีกำลังซื้อจากกลุ่มประเทศที่อยู่แอตแลนติกส์เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามยังคงกังวลต่อสถานการทางการเมือง และภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะน้ำท่วม หากไม่เกิดเหตุการณ์ตรงนี้จะทำให้ยอดขายดีขึ้น สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งยังไม่น่าเป็นห่วง"
สำหรับตลาดเหล็กภายในประเทศ ยังอยู่ในภาวะทรงตัว เนื่องจากภาคการส่งออกยังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ประกอบกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐลดลง แต่ยังมีอานิสงส์จากอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ยังเติบโตดี โดยระดับการผลิตกลับสู่ภาวะปกติ จึงคาดว่าในไตรมาสนี้ปริมาณเหล็กรีดร้อนชนิดม้วนจะอยู่ที่ 1.85 ล้านตัน ลดลง 1.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ปริมาณการผลิตทั้งปีจะเพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อนที่มี 7.7 ล้านตัน
นายวิน กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมเหล็กในตลาดโลกจะเริ่มทรงตัวจากไตรมาส 2/56 โดยต้องติดตามสถานการณ์ภาคการผลิต ก่อสร้างและอุตสาหกรรมรถยนต์ หากส่งสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน จะเป็นปัจจัยหนุนให้ปริมาณการผลิตในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังต้องพิจารณาแนวโน้มเศรษฐกิจของจีนที่เป็นผู้นำเข้าสำคัญว่าจะเติบโตสูงขึ้นจากไตรมาสก่อนหรือไม่ โดยประเมินว่าจีดีพีของจีนในไตรมาส 3/56 จะเติบโตประมาณ 7.8%
ด้านราคาเหล็กในไตรมาส 3/56 ประเมินว่าจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยในช่วงต้นไตรมาส และจะปรับตัวดีขึ้นในปลายไตรมาส โดยประเมินกรอบราคาสินแร่เฉลี่ยที่ 126-128 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนราคาเหล็กแท่งแบนและเหล็กแผ่นรีดร้อนจะอยู่ที่ 465-475 เหรียญสหรัฐต่อตัน และ 533-563 เหรียญสหรัฐต่อตันตามลำดับ
ทั้งนี้ แผนการลงทุนของ SSI ยังเป็นการปรับปรุงโรงถลุงเหล็ก SSI UK , โครงการ PCI ที่คืบหน้าไปแล้ว 96% ที่เดินเครื่องไปบางส่วนแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคม คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 56